Home Movies 20th Century Boys – the Movies เมื่อ “เพื่อน” กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจผู้คิดหวังทำลายล้างโลก

[รีวิว] 20th Century Boys – the Movies เมื่อ “เพื่อน” กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจผู้คิดหวังทำลายล้างโลก [Movies]

[Review] 20th Century Boys – the Movies (มหาวิบัติดวงตาถล่มล้างโลก) [2008-2009]

20th Century Boysthe Movies (มหาวิบัติดวงตาถล่มล้างโลก) ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจาก มังงะ สุดคลาสสิคชื่อเรื่องเดียวกันของอาจารย์ Naoki Urasawa

กำกับภาพยนตร์โดย Yukihiko Tsutsumi (ผู้ที่ฝากผลงานกำกับภาพยนตร์และทีวีซีรีส์ Live Action มาอย่างมากมายเช่น Kindaichi Case Files, Psychometrer Eiji, H2 และ BECK เป็นต้น)

โดยตัวภาพยนตร์นั้น ถูกแบ่งเป็น 3 ภาค ได้แก่



20th Century Boys: Beginning of the End (ออกฉายเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2008) – พูดถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดจนไปถึงช่วงที่ “เพื่อน” สามารถยึดครองประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ

เรื่องราวเริ่มต้นที่ Kenchi Endo (นำแสดงโดย Toshiaki Karasawa) ชายหนุ่มผู้มีความฝันที่จะเป็นร็อคสตาร์ แต่เขาตัดสินใจเลือกที่จะยุติชีวิตนักดนตรี มาเป็นผู้จัดการร้านสะดวกซื้อ (ที่เป็นธุรกิจของครอบครัว) เพื่อดูแลครอบครัวและ Kanna Endo ลูกสาวของพี่สาวที่ทิ้งเอาไว้ และหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ วันหนึ่งเขาได้มีโอกาสไปร่วมงานศพของ ดองกี้ เพื่อนสมัยเด็กของเขา ซึ่งได้ฆ่าตัวตายโดยไม่มีใครรู้เหตุผล ว่าทำไม ดองกี้ ถึงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง การร่วมงานศพในครั้งนี้ ทำให้ เคนจิ ได้พบเจอกับเพื่อนเก่าๆ สมัยเด็กที่ไม่เคยได้เจอหน้ากันมานาน

1 ในบทสนทนานั้น มีการพูดคุยถึงลัทธิประหลาดลัทธิหนึ่ง ที่ผู้นำลัทธิเรียกตัวเองว่า “เพื่อน” และเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นในเวลาช่วงนั้น ซึ่งเป็นเหมือนเหตุการณ์ที่ เคนจิ และเพื่อนๆ สมัยเด็ก ได้เคยเขียนกันเอาไว้เล่นๆ ในสมุด “หนังสือแห่งคำพยากรณ์” ที่รวบรวมไอเดียเกี่ยวกับเหตุการณ์วันสิ้นโลกของแต่ละคนเอาไว้ และฝังเอาไว้ในแคปซูลเวลา ที่นอกจากกลุ่มเพื่อนๆ แล้ว คนอื่นจะไม่มีทางได้รู้เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้

ซึ่งหากเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นจริงตามใน “หนังสือแห่งคำพยากรณ์” นั่นหมายถึง โลกจะถึงกาลล่มสลาย เคนจิ และเหล่าผองเพื่อนทั้งหลาย จึงต้องออกสืบหาปริศนาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหล่านั้น เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เหตุการณ์ เหล่านั้นเกิดขึ้นจริง รวมถึงการค้นหาปริศนาของ “เพื่อน” ผู้นำลัทธิที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และน่าจะเป็น 1 ในบรรดาเพื่อนสมัยเด็กของ เคนจิ



20th Century Boys 2 : The Last Hope (ออกฉายเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2009) – เป็นเรื่องราวในช่วงที่ “เพื่อน” ปกครองประเทศญี่ปุ่น

เล่าเรื่องราว 15 ปีต่อมา หลังจากจบเหตุการณ์ในภาคแรก เมื่อ “เพื่อน” ได้สถาปนาตัวขึ้นเป็นผู้นำ แผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วโลก และมีแผนการที่จะกำจัดมนุษยชาติให้หมดสิ้นไป เพื่อเริ่มต้นตามคำทำนายใน “หนังสือใหม่แห่งคำพยากรณ์” และเหลือไว้เพียงผู้ที่เดินตาม “เพื่อน” เท่านั้นที่จะอยู่รอดได้ จึงทำให้ Kanna Endo (นำแสดงโดย Airi Taira) และกลุ่มเพื่อนๆ ของ เคนจิ ต้องหลบซ่อนตัว และรวมตัวกันเป็นขบวนการใต้ดิน เพื่อที่จะหยุดยั้งการแผ่ขยายอิทธิพลของ “เพื่อน



20th Century Boys 3 : Redemption (ออกฉายเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2009) – บทสรุปสุดท้ายกับเหล่าผองเพื่อน

3 ปีให้หลัง นับจากวันที่ “เพื่อน” ได้ปล่อยไวรัสทำลายล้างไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก และ “เพื่อน” ได้เข้าปกครองโลกด้วยพรรคมิตรภาพประชาธิปไตย จากนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นภายใต้การนำของ “เพื่อน” ก็ได้สร้างกำแพงยักย์ล้อมรอบกรุงโตเกียว เพื่อให้การควบคุมผู้ที่เหลือรอดทำได้โดยง่าย ส่วนใครที่อยู่ด้านนอกของกำแพง ถือว่าเป็นคนเถื่อนและเป็นบุคคลอันตราย จะถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้เขตกำแพง 

และในคำทำนายสุดท้ายของ “เพื่อน” ก็ได้ถูกเปิดเผยออกมาว่า ในวันที่ 12 สิงหาคม เวลา 12.00 น. มนุษยชาติจะถูกทำลายโดยมนุษย์ต่างดาว 

นี่คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ คันนะ และเหล่าผองเพื่อนของ เคนจิ ที่จะต้องหาทางหยุดยั้งเหตุการณ์สิ้นโลกนี้ให้ได้


ความคิดเห็นหลังจากดูจบ
สิ่งที่ดีงามอย่างหนึ่งของเรื่องนี้คือ บรรยากาศของญี่ปุ่นในแต่ละช่วงเวลา สามารถสื่อให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนในแต่ละยุคได้อย่างชัดเจน (โดยเฉพาะฉากในช่วงต้นยุค 70) คิดว่าใครที่เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมา น่าจะทำให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตได้เป็นอย่างดีเลย

และการที่เลือกแบ่งเรื่องราวของ 20th Century Boys (มหาวิบัติดวงตาถล่มล้างโลก) ออกเป็น 3 ภาค ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีเลย เพราะทำให้สามารถลงรายละเอียดในเนื้อหาแต่ละช่วงได้อย่างชัดเจน จึงทำให้โดยภาพรวมของหนังค่อนข้างที่จะลงตัวและทำให้ดูสนุกและน่าติดตามเป็นอย่างมาก 

แต่ในข้อดีของการแบ่งเป็น 3 ภาคนั้น ก็จะมีข้อเสียอย่างหนึ่งที่ตามมา นั่นคือการดำเนินเรื่องที่มีความเนือยๆ เนิบๆ ยืดๆ ในบางช่วงบางตอนของแต่ละภาค โดยเฉพาะกับภาค 3 ที่กว่าจะถึงจุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง ก็มีแอบๆ หาวกันไปบ้างล่ะนะ

อีกจุดหนึ่งที่น่าเสียดายคือ เรื่องราวบางส่วนและตัวละครบางตัวที่ถูกตัดออกไป จนบางทีก็ทำให้อารมณ์ของภาพยนตร์ ไปไม่ถึงจุดที่มังงะต้องการนำเสนอจริงๆ

สรุป >>ให้ไป 7.5 เต็ม 10 ละกันนะฮะ

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version