Home Movies Contagion ฝ่าวิกฤตการณ์โรคไวรัสระบาด

[รีวิว] Contagion ฝ่าวิกฤตการณ์โรคไวรัสระบาด [Movie]

[Review] Contagion (สัมผัสล้างโลก) [2011]

Contagion (สัมผัสล้างโลก) ภาพยนตร์แนวภัยพิบัติโรคระบาด จากผลงานกำกับของ Steven Soderbergh ที่ได้เหล่านักแสดงมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็น Marion Cotillard, Matt Demon, Laurence Fishburne, Jude Law, Gwyneth Paltrow และ Kate Winslet

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เริ่มต้นจากคนกลุ่มหนึ่งที่จะเดินทางจากประเทศฮ่องกงไปยังจุดหมายตามที่ต่างๆ หลากหลายประเทศทั่วโลกซึ่งในเวลาไม่กี่นานนัก กลุ่มคนดังกล่าวได้เกิดอาการป่วยและเสียชีวิตในระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น

แต่ไม่เพียงแค่นั้น เพราะคนที่ได้อยู่ใกล้หรือสัมผัสกับคนกลุ่มนั้น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมอย่างการสัมผัสสิ่งของที่คนเหล่าได้สัมผัสมาก่อน ก็เริ่มมีอาการป่วยตามมาเช่นกัน และจนในที่สุดก็เสียชีวิตลงในเวลาภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

ด้วยเหตุนั้นเอง จึงทำให้ทาง WHO (World Health Organization) และ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) ต้องดำเนินการสืบหาสาเหตุการตายของคนเหล่านั้นว่ามีจุดเชื่อมโยงกันอยู่ที่ไหน

จนในที่สุดก็ได้พบว่าสาเหตุการตายของคนเหล่านี้ เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ยังไม่เคยค้นพบมาก่อน และเชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่ระบาดไปได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ในขณะที่ทาง WHO และ CDC ต้องเร่งมืในการหาวิธีรับมือกับเชื้อไวรัสดังกล่าว และควบคุมข้อมูลข่าวสารเพื่อไม่ให้ผู้คนต้องตื่นตระหนกนั้น กลับมีนักข่าวอิสระคนหนึ่งพยายามที่จะขุดคุ้ยและเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดในครั้งนี้ทั้งจริงบ้างและแต่งเรื่องขึ้นมาเองบ้างผ่านทางเว็บไซท์บล็อกของตัวเขาเอง เพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเขาเอง

จนในที่สุดบ้านเมืองก็เริ่มเกิดความโกลาหลวุ่นวาย ผู้คนต่างพากันพยายามแย่งชิงและกักตุนเสบียงให้มากที่สุด บางส่วนก็พยายามเดินทางออกจากเมืองที่พบการระบาดขึ้น

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ลองไปหามาชมกันดูนะฮะ

ความคิดเห็นหลังจากดูจบ
ตัวหนังมีการดำเนินเรื่องที่สมจริงมาก แต่ก็ไม่ได้เน้นในเรื่องสภาพของความวุ่นวายหลังเกิดเหตุการณ์ไวรัสระบาดอะไรมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่วิธีการทำงานของหน่วยงาน WHO และ CDC ในการสืบหาต้นตอของโรคระบาด รวมถึงค้นหายารักษาและวัคซีนสำหรับป้องกันโรคชนิดนี้ซะมากกว่า แต่เท่าที่นำเสนอมา ก็พอจะทำให้เราเห็นถึงความน่ากลัวของสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน

แม้หนังจะมีบทพูดที่ค่อนข้างเยอะและดำเนินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่ได้มีความรู้สึกว่าน่าเบื่ออะไรเลย กลายเป็นเป็นว่าด้วยการดำเนินเรื่องในโทนแบบนี้แหละ ที่ทำให้เรารู้สึกอินไปกับหนังได้ค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว

สรุป >> นี่คือหนังอีกเรื่องหนึ่งที่สะท้อนแง่มุมอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเกิดวิกฤตการณ์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version