Home Movies Emergency Declaration (ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ) กับความพยายามเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์

[รีวิว] Emergency Declaration (ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ) กับความพยายามเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ [Movie]

[Review] Emergency Declaration (ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ) [2022]

Emergency Declaration (비상선언, ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ) ภาพยนตร์ระทึกขวัญฟอร์มยักษ์ระดับบล็อกบัสเตอร์จากเกาหลีใต้ที่มีกำหนดการเข้าฉายตั้งแต่ปี 2021 แต่กลับต้องถูกเลื่อนฉายเนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ระบาด จนได้มีโอกาสเข้าฉายจริงๆ ก็เข้าปี 2022 เลย

เขียนบทและกำกับโดย Han Jae-rim
ควบคุมงานสร้างโดย Han Jae-rim, Baek Chang-joo และ Eum Zoo-young

นำแสดงโดย
Song Kang-ho (จากภาพยนตร์เรื่อง Memories of Murder และ Parasite) รับบทเป็น Gu In-ho
Lee Byung-hun (จากภาพยนตร์เรื่อง G.I. Joe: The Rise of Cobra และ Terminator Genisys) รับบทเป็น Park Jae-hyuk
Jeon Do-yeon (จากภาพยนตร์เรื่อง Ashfall) รับบทเป็น Kim Sook-hee
Kim Nam-gil (จากซีรีส์เรื่อง Through the Darkness) รับบทเป็น Choi Hyun-soo
Im Si-wan (จากซีรีส์เรื่อง Strangers from Hell) รับบทเป็น Ryu Jin-seok
Kim So-jin (จากซีรีส์เรื่อง Through the Darkness) รับบทเป็น Hee-jin
Park Hae-joon (จากซีรีส์เรื่อง A World of Married Couple) รับบทเป็น Tae-su

รับชมได้ทาง Prime Video

Emergency Declaration (ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ) [2022]

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวเล่าถึงวิกฤตการณ์การก่อการร้ายบนเครื่องบินโดยสารลำหนึ่งที่บินออกจากกรุงโซลไปยังฮอโนลูลู เกาะฮาวาย เมื่อมีผู้โดยสารคนหนึ่งได้แอบนำเชื้อไวรัสที่สามารถคร่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดให้ตายได้ในระยะเวลาไม่กี่นาทีขึ้นมาบนเครื่องด้วย มิหนำซ้ำเชื้อไวรัสชนิดนี้ยังสามารถแพร่กระจายได้ดีทางอากาศอีกด้วย

และทันทีที่มีผู้โดยสารคนแรกเสียชีวิตอย่างกระทันหัน ความโกลาหลภายในเครื่องบินลำนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมๆ กับหน่วยงานภาคพื้นดินที่พยายามนำเครื่องลงจอดยังสนามบินที่ใกล้ที่สุด แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากสนามบินต่างๆ ที่อยู่ใกล้กับเครื่องบินลำนี้เลย พวกเขาไม่อนุญาตให้เครื่องบินลำนี้ลงจอด เพราะกลัวว่าเชื้อไวรัสจะหลุดแพร่กระจายออกมาจากเครื่องบินแล้วสร้างความวิบัติให้กับประเทศของตัวเอง

พวกเขาจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้หรือไม่อย่างไร ไปร่วมลุ้นกันนะฮะ

ความรู้สึกหลังดูจบ
หนังมีความพยายามเล่นในหลายประเด็น ไม่ว่าจะประเด็นทางการเมือง ประเด็นดราม่าครอบครัว รวมถึงประเด็นความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ที่ต่างก็พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดของผู้โดยสารแต่ละคน จนสุดท้ายก็กลายเป็นหนังที่ไม่มีจุดเด่นอะไรเลยสักด้าน แม้ในระหว่างดูจะรู้สึกสนุกอยู่ก็ตาม แต่พอดูจบแล้วก็จบไปไม่มีอะไรให้พุดถึงหรือนึกถึงกันต่อ เพราะหนังไปไม่สุดสักด้านความประทับใจจึงไม่เกิด

หนังมีการใช้ตัวละครที่ค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งมันก็มากจนไม่ได้ให้เวลาเราทำความรู้จักและผูกพันกับตัวละครใดๆ เลย คือตัวละครแต่ตัวแบนมาก ไร้มิติสุดๆ ดังนั้น เมื่อถึงเหตุการณ์คับขันที่ทำให้เราต้องคอยลุ้นคอดเอาใจช่วย เราก็ไม่ได้รู้สึกอยากเอาใจช่วยตัวละครใดเลย หรือแม้กระทั่งการเสียสละของบางตัวละคร ก็ไม่ทำให้เรารู้สึกอินและเศร้าไปกับเรื่องราวที่เล่ามาเลย

สรุป >> ให้ไป 6.5 เต็ม 10 นะฮะ ด้วยความที่พลอตหนังไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่ด้วยความที่มีประเด็นให้เล่นเยอะมากเกินไป จึงทำให้แต่ละประเด็นไม่ค่อยจะอิมแพคเท่าไหร่นัก

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version