[Review] Free Guy ขอสักที พี่จะเป็นฮีโร่ [2021]
Free Guy (ขอสักที พี่จะเป็นฮีโร่) ภาพยนตร์แนว Action Sic-Fi Fantasy Comedy ที่อำนวยการสร้างและกำกับโดย Shawn Levy (ผู้กำกับหนังตระกูล Night at the Museum และเป็น Executive Producer ของซีรีส์ชุด Stranger Things) จากการเขียนบทภาพยนตร์ของ Matt Lieberman และ Zak Penn
รับชมได้ทาง Disney+ Hotstar
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Guy (รับบทโดย Ryan Reynolds) หนุ่มพนักงานแบงค์ที่มีชีวิตสุดแสนธรรมดา เขามีชีวิตอยู่แบบวนลูปซ้ำซากจำเจไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ กาย ได้พบกับนางในฝันที่ทำให้ กาย รู้สึกว่าชีวิตมันต้องมีอะไรมากกว่านี้สิ เขาจึงเริ่มปฏิวัติตัวเองออกจากวิถีชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ
เป็นเหตุที่ทำให้ กาย ได้รับรู้ว่าโลกที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันนั้น เป็นโลกในวิดีโอเกมประเภท Open World ที่มีชื่อว่า Free City และที่พีคไปกว่านั้นก็คือตัวของเขาเองเป็นโปรแกรมตัวละครหนึ่งที่เรียกว่า NPC (Non Player Character) หรือก็คือตัวประกอบตัวหนึ่งที่อยู่ในเกมที่ถูกสร้างขึ้นมาและเดินเรื่องไปตามสคริปต์ที่ถูกโปรแกรมเอา
ตั้งแต่วันนั้นชีวิตของ กาย จึงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเขายังต้องร่วมมือกับ Player สาวปริศนาคนหนึ่งที่ชื่อ Millie (รับบทโดย Jodie Comer) ในการที่จะหยุดยั้งแผนการร้ายของ Antwan (รับบทโดย Taika Waititi ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง Thor: Ragnarok และ Thor Love and Thunder)
ความรู้สึกหลังดูจบ
ธีมเรื่องหลักมีส่วนคล้ายๆ กับภาพยนตร์เรื่อง Ready Player One ที่มีการดำเนินเรื่องจากทั้งในส่วนที่เป็นโลกแห่งความจริงกับโลกในเกม ผสมกับ The Trueman Show ในแง่ที่ว่าตัวละครหลักซึ่งเป็นคนที่นิสัยดี เป็นที่รักของคนทั้งเมือง และได้มาล่วงรู้ความจริงที่ว่าชีวิตที่ผ่านมาของตัวเอง ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องจริงเลย ตัวเองเป็นเพียงแค่ตัวละครตัวหนึ่งในโลกเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงของคนทั่วโลกก็เท่านั้น
แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็คือ ในขณะที่ The Trueman Show นั้นนำเสอนถึงตัวละครที่เป็นคนจริงๆ ที่มีเลือดเนื้อและตัวตนในโลกจริง แต่ กาย กลับเป็นเป็นเพียงแค่ตัวละครตัวหนึ่งที่เป็นโปรแกรมอยู่ในโลกของเกมออนไลน์เท่านั้น ดังนั้น ในแง่ของความบันเทิง Free Guy จึงสามารถนำเสนอเรื่องราวที่แหวกแนว, หวือหวาและเวอร์วังได้อย่างเต็มที่
ซึ่งนั่นก็คือจุดชอบ คือหนังสามารถสร้างสรรค์จินตนาการออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงหลักความเป็นจริงอะไรเลย มันจึงออกมาสนุกมากๆ แต่จุดที่ไม่ชอบก็คือ ตัวละครแทบจะไม่มีมิติอะไรเลยทุกตัวละคร
และด้วยความบ้าแบบหลุดโลกนี่เอง ที่เราได้เห็นการใส่ไอคอนจากโลกของเกมและโลกของภาพยนตร์หลายๆ เรื่องเข้ามาในหนังด้วย พร้อมทั้งเพลงธีมประกอบของหนังเรื่องนั้นๆ ที่บรรเลงขึ้นมาได้อย่างเหมาะเจาะมากๆ (เหมือนอย่างที่หนังเรื่อง Ready Player One ใส่มานั้นแหละฮะ) เราได้เห็นทั้ง โล่ของกัปตันอเมริกา (ที่ยังได้ Chris Evans โผล่มาเป็นคามิโอด้วย) แถมยังมี Hulk อีก (แม้จะโผล่มาแค่แขนก็ตาม) อีกทั้งยังมี Lightsabers จาก Star Wars อีกต่างหาก
สำหรับงาน CG นี่แมวชอบนะฮะ ดูเพลินดี แม้จะมีบางฉากยังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่นัก
ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นคอเกม ถามว่าจะดูสนุกมั้ย ตอบได้เลยฮะว่าสนุกเหมือนกัน เพราถึงคุณจะไม่ได้รู้จักวัฒนธรรมเกม หรือศัพท์แสงต่างๆ ที่เค้ามักใช้กัน คุณก็จะได้เรียนรู้สิ่งเหล่านั้นไปพร้อมกับตัวละคร กาย ในเรื่องนั่นแหละฮะ
สรุป >> ให้ไป 7.5 เต็ม 10 นะฮะ แม้จะเดินตามสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีเนื้อเรื่องอะไรที่ซับซ้อน แต่หนังตอบโจทย์ในแง่ของความบันเทิงได้อย่างเต็มที่
ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ