[Review] GEN V [2023]
Gen V ซีรีส์แนว Superhero Drama Action Thriller ที่ดัดแปลงมาจากคอมมิกส์เรื่อง The Boys ในหัวที่ชื่อ We Gotta Go Now (ประมาณเล่มที่ 23-30) ของ Garth Ennis และ Darick Robertson
Gen V คือซีรีส์ Spin-Off ของซีรีส์ดังเรื่อง The Boys โดยจะเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในซีซั่น 3 ของซีรีส์หลัก และจะเชื่อมต่อไปยังซีซั่น 4 ที่วางแผนจะออนสตรีมในปี 2024 (ดังนั้นก่อนจะชมซีรีส์เรื่องนี้ คุณควรจะดูซีรีส์หลักทั้ง 3 ซีซั่นมาก่อนนะฮะ)
พัฒนาโปรเจคโดย Craig Rosenberg, Evan Goldberg และ Eric Kripke
เขียนบทโดย Matt Bowen และ Christopher Lennertz
นำแสดงโดย
Jaz Sinclair (จากซีรีส์เรื่อง Chilling Adventures of Sabrina) รับบทเป็น Marie Moreau
Chance Perdomo (จากภาพยนตร์เรื่อง After We Fell, After Ever Happy และ After Everything) รับบทเป็น Andre Anderson
Lizze Broadway (จากภาพยนตร์เรื่อง Ghosted) รับบทเป็น Emma Meyer / Little Cricket
Maddie Phillips (จากซีรีส์เรื่อง Teenage Bounty Hunters) รับบทเป็น Cate Dunlap
London Thor (จากซีรีส์ Shameless) รับบทเป็น Jordan Li
Derek Luh (จากซีรีส์เรื่อง Shining Vale) รับบทเป็น Jordan Li
Asa Germann (จากซีรีส์เรื่อง Dahmer – Monster: The Jeffrey Dahmer Story) รับบทเป็น Samuel “Sam” Riordan
Shelley Conn (จากซีรีส์เรื่อง 24: Live Another Day) รับบทเป็น Indira Shetty
Patrick Schwarzenegger (จากซีรีส์เรื่อง The Staircase) รับบทเป็น Luke Riordan / Golden Boy
Jensen Ackles (จากซีรีส์เรื่อง Smallville และ Supernatural) รับบทเป็น Soldier Boy
Antony Starr (จากซีรีส์เรื่อง Tricky Business และ American Gothic) รับบทเป็น Homelander
Karl Urban (จากภาพยนตร์เรื่อง Star Trek (Trilogy: 2009 – 2016) และ Thor: Ragnarok) รับบทเป็น Billy Butcher
รับชมได้ทาง Prime Video (มีจำนวนทั้งหมด 8 ตอน)
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ มารี เด็กสาวจากสถานพินิจของผู้มีพลังพิเศษ ที่ได้รับโอกาสเข้าเรียนที่ Godolkin University หรือที่เรียกว่า GOD-U มหาวิทยาลัยชั้นนำของเหล่าซูปส์ ที่ก่อตั้งโดย Thomas Godolkin เป็นสถานที่ที่มีไว้เพื่อฝึกฝนเหล่านักเรียนผู้มีพลังพิเศษให้พร้อมในด้านต่างๆ เพื่อที่จะสามารถเป็นตัวทำเงินให้กับบริษัท Vought
เหล่าซูปส์วัยรุ่นหนุ่มสาวทั้งหลายต้องพยายามสร้างโปรไฟล์ของตัวเองให้โดดเด่นเพื่อจะได้มีโอกาสเข้าไปร่วมทีมกับ The Seven ทีมซูเปอร์ฮีโร่ส์ชั้นยอดของ Vought
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อ มารี และเพื่อนๆ ของเธอได้รับรู้ถึงความลับอันดำมืดที่อยู่เบื้องหลังของ ก็อด-ยู จึงต้องร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงความลับอันดำมืดนี้
ความรู้สึกหลังดูจบ
แม้ว่าจะมีความโหดเลือดสาดและติดเรทระดับเห็นเครื่องเพศชายอยู่หลายฉาก แต่โดยรวมก็ยังจัดว่าน้อยกว่าซีรีส์หลักอย่าง The Boys อยู่เยอะโดยเฉพาะกับมุกจัญไรต่างๆ นี่พูดได้เลยว่ายังห่างชั้นอยู่มาก (แต่ไอที่มีอยู่ก็จัญไรใช่เล่นเลยนะฮะ) และหากใครที่ชื่นชอบพวกฉากแอ็คชั่นต่อสู้แบบโชว์พลัง ก็น่าจะผิดหวังพอสมควรฮะ เพราะฉากแนวๆ นั้นก็มีอยู่น้อยนิด
โดยภาพรวมของซีรีส์ให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับภาพยนตร์เรื่อง The New Mutants เหมือนกันนะฮะ ในแง่ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเหล่าวัยรุ่นมนุษย์กลายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งกับการค้นหาความจริงที่ลึกลับดำมืดที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังของสถานที่แห่งนั้น (อย่างในเรื่อง The New Mutants คือโรงพยาบาลจิตเวท ส่วนใน Gen V คือโรงเรียน)
ซึ่งแก่นสารหลักของซีรีส์ชุดนี้จะออกไปในแนวทาง Coming of Age ซะมากกว่านะฮะ เช่น ในแง่ที่ตัวละครหลักทุกตัวต้องพยายามค้นหาตัวเองและยอมรับในตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง มากกว่าการที่จะต้องเดินตามเส้นทางที่คนอื่นได้วางเอาไว้ รวมถึงการต้องรับมือกับสังคมแห่งการบูลลี่ หรือการเป็นดาวเด่นในโลกออนไลน์ เป็นต้น โดยมีเรื่องราวการค้นหาเบื้องหลังของความลับอันดำมืดเป็นตัวเดินเรื่อง
จุดหนึ่งที่ชอบมากๆ และพูดได้ว่าเป็นตัวขโมยซีนเหล่าซูปส์วัยรุ่นเลยก็เห็นจะเป็นการปรากฎตัวของเหล่าซูปส์รับเชิญอย่าง Jensen Ackles กับบทตัวละคร Soldier Boy ที่ยังคงรักษามาดความกวนตีนไว้ได้เหมือนเดิม และในช่วงปิดท้ายซีซั่น 1 กับการปรากฎตัวของตัวละครสำคัญของซีรีส์หลักที่เห็นแล้วชวนขนลุกเลยอย่าง Homelander และ William “Billy” Butcher ที่เป็นการปูทางสำหรับเชื่อมไปสู่ซีซั่น 4 ของซีรีส์หลักได้อย่างน่าสนใจเลยทีเดียว (ซึ่งถ้าใครไม่เคยดูซีรีส์ The Boys มาก่อน คงจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมการปรากฎตัวของตัวละคร Homelander ในช่วงท้ายมันถึงอิมแพคได้ขนาดนั้น)
ดังนั้น ถ้าถามว่า ถ้าไม่เคยดูซีรีส์หลัก (The Boys) มาก่อน จะดูรู้เรื่องมั้ย ก็ตอบได้ว่าดูพอรู้เรื่องนะฮะ แต่คุณอาจจะมีงงๆ อยู่บ้าง รวมถึงอาจจะไม่อินหรือดูไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่นัก เพราะทั้งซีซั่นจะมีการพูดถึงและอ้างอิงถึงตัวละครจากซีซั่นหลักอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการปรากฎตัวของตัวละครจากซีรีส์หลักอย่างที่กล่าวไปตอนต้นอีกด้วย
สรุป > ให้ไป 8 เต็ม 10 นะฮะ แม้ว่าโดยรวมเนื้อเรื่องจะมีความน่าสนใจ แต่ในระหว่างทาง ก็มีความน่าเบื่อสลับๆ กันเข้ามาอยู่เนืองๆ เอาเป็นว่าถ้าคุณชอบซีรีส์เรื่อง The Boys คุณไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้ฮะ