[Review] เด็กใหม่ ซีซั่น 1 (Girl From Nowhere) [2018]
เด็กใหม่ ซีซั่น 1 (Girl From Nowhere) ซีรีส์ไทยแนว Mystery Thriller จากค่าย Sour Bangkok ซึ่งอำนวยการสร้างโดย GMM Grammy มีเนื้อหาเสียดสีจิกกัดสังคมได้แสบทรวงกันเลยทีเดียว โดยมีแรงบันดาลใจมาจากข่าวฉาวที่เกิดขึ้นจริงในสังคม
ปัจจุบันออกอากาศมาได้ 2 Season แล้ว โดย Season 1 ออกอากาศเมื่อปี 2018 มีจำนวน 13 Episode (แต่ถ้านับจำนวนเรื่องจริงๆ ก็จะมีแค่ 11 เรื่องเท่านั้น เพราะมี 2 เรื่องที่มีความยาว 2 Episode) และ Season 2 ออกอากาศเมื่อปี 2021 มีจำนวน 8 Episode
รับชมได้ทางช่อง Netflix
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ แนนโนะ (รับบทโดย คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล) เด็กสาวปริศนาที่ย้ายโรงเรียนใหม่ไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ตอน เพื่อจัดการสั่งสอนและลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องในโรงเรียนเหล่านั้น (ในมุมมองของ แนนโนะ)
โดยใน Season 1 นั้นเป็นเรื่องราวแบบจบในตอน จำนวน 11 เรื่อง แบ่งเป็น 13 Episode ดังนี้
ตอนที่ 1 (Episode 1) “The Ugly Truth” – กำกับโดย ไพรัช คุ้มวัน
“ครูข่มขืนนักเรียนจนท้อง“
ในวันที่ แนนโนะ ย้ายเข้ามาในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ซึ่งมี ครูวิน (รับบทโดย แก็ป ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล) ครูหนุ่มสุดฮอตและมีภาพลักษณ์ที่แสนดี ดูแลในเรื่องของการจัดทำสื่อการสอนรูปแบบใหม่ๆ เพื่อที่จะเข้าถึงเด็กนักเรียนและส่งเสริมประสิทธิภาพในการเรียนให้ดียิ่งขึ้น
โดยล่าสุด ครูวิน ได้นำเสนอให้มีการจัดทำได้คลิปวิดีโอการฝึกโยคะเพื่อการเจริญสมาธิ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนหันมาสนใจการออกกำลังกายแทนที่จะหมกมุ่นเรื่องเพศ ซึ่ง ครูวิน ได้เข้ามาขออาสาสมัครนักเรียนให้ไปช่วยเป็นแบบสำหรับถ่ายคลิปวิดีโอดังกล่าว โดยอาสาสมัครในครั้งนี้ก็คือ แนนโนะ และ อิง (รับบทโดย ปาลิตา กิติโยดม)
และแล้วการถ่ายทำคลิปวิดีโอก็เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างครูและลูกศิษย์ที่เริ่มถลำลึกลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับความจริงที่เน่าเฟะของผู้ที่ได้ชื่อว่า แม่พิมพ์ของชาติ
ตอนที่ 2 (Episode 2) “Apologies (ขอโทษ ขอโทษ)” – กำกับโดย สิทธิศิริ มงคลศิริ
“นักเรียนหญิงรุมตบ บังคับเพื่อนให้ขอโทษ“
ณ โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ในวันที่ แนนโนะ ได้ย้ายเข้ามาเป็นเด็กใหม่ของโรงเรียนแห่งนี้ในช่วงกลางเทอม ทำเอา 3 หนุ่มนักบาสเกตบอลสุดฮอตประจำโรงเรียนที่นำโดย หก (รับบทโดย อัพ ภูมิพัฒน์), หนึ่ง (รับบทโดย บีโป้ ณัชพัณณ์) และ ชิต (รับบทโดย รถโฟล์ค รัชชานนท์) ต่างก็หลงเสน่ห์ของ แนนโนะ และพยายามหาวิธีที่จะได้ใกล้ชิดกับ แนนโนะ ให้มากขึ้น โดยเข้าทาง แต้ว (รับบทโดย โอนีล ฐิตินันท์) และ ไอติม (รับบทโดย ป่าน ปารีย์) เพื่อนร่วมห้องของ แนนโนะ
วันหนึ่งทั้ง 3 หนุ่มจึงได้วางแผนที่จะมอมเหล้าและขืนใจ แนนโนะ โดยการชักชวนทกคนไปร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้างของ หก
และแล้วในคืนนั้น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!!!
ตอนที่ 3 (Episode 3) “อัจฉริยะ (Trophy)” – กำกับโดย อภิวัฒน์ ศุภธีรพงศ์
ข่าวที่ 3 “วัยรุ่น เรียนเครียดจนฆ่าตัวตาย” และ ข่าวที่ 4 “ก๊อบผลงานจนได้ดี”
ณ โรงเรียนเลิศวิถี โรงเรียนที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับนักเรียนที่เป็นเลิศในทุกๆ ด้าน เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนยิ่งมีชื่อเสียงโด่งดัง สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ส่วนเด็กที่ยังไม่มีผลงานก็จะถูกกดดันให้พยายามค้นหาตัวตนและสร้างผลงานความเป็นเลิศออกมาให้ได้
ปุ้ย (รับบทโดย เบลล์ สรณ์สิริ ชวลิตวรกุล) และ มิว (รับบทโดย เมโกะ ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย) สองสาวเพื่อนสนิทที่อยู่ในกลุ่มเด็กที่ไม่มีอะไรโดดเด่น จนมักจะถูกคำเหยียดหยามจาก ครูเพลิน อยู่บ่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งอยู่ๆ ปุ้ย ก็ได้รับการประกาศว่าเป็นอัจฉริยะคนใหม่ของโรงเรียน ที่เพิ่งได้รับรางวัลที่หนึ่งจากสมาคมวรรณกรรมไทย ส่งผลให้ มิว อิจฉา ปุ้ย อย่างมาก
เมื่อเห็นเช่นนั้น แนนโนะ จึงได้เข้ามาเสนอคำแนะนำให้กับ มิว ถึงวิธีที่จะทำให้ตัวเองได้ก้าวเข้าสู่การเป็นอัจฉริยะของโรงเรียนแห่งนี้ พร้อมกับแฉว่านี่คือวิธีที่ทำให้ ปุ้ย ได้รับรางวัล
วิธีนั้นคืออะไร และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
ตอนที่ 4 (Episode 4) “Hi-So” – กำกับโดย คมกฤช ตรีวิมล
“ธุรกิจใหม่เพื่อเยาวชน รับจ้างทำการบ้าน”
ณ โรงเรียนมัธยมไฮโซแห่งหนึ่ง โรงเรียนที่ “เงิน” สามารถซื้อได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งห้องเรียนที่เด็กคนไหนก็มีห้องเป็นของตัวเองได้หากมีเงินมากพอ
ดังนั้นในวันที่ แนนโนะ ย้ายเข้ามาโรงเรียนนี้วันแรก เธอก็ได้ซื้อห้องเป็นของตัวเองและตั้งเป็น บริษัท แนนโนะ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจรับแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้กับทุกคน (ที่มีเงินมากพอ) ในโรงเรียน
วันหนึ่งเพื่อนร่วมห้องอย่าง ไดโน่ (รับบทโดย เบสท์ ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) นักเรียนหนุ่มสุดเพียบพร้อมในสายตาเพื่อนๆ เพราะทั้งเรียนเก่ง บ้านรวย ซื้อของฝากเพื่อนจากการเที่ยวรอบโลกเป็นประจำ ก็เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นเมื่อกลุ่มเพื่อนสนิทซึ่งประกอบไปด้วย ป๊อบ (รับบทโดย กาญจน์ ชัชนันท์ ฉันทจินดา), โต๋ (รับบทโดย ธนภัทร วรานุภาพ), แต๊บ (โอโม่ ภาคิยัน จุนปิยะกุล) และ หวาน (รับบทโดย Risa Suzuki) อยากจะไปเที่ยวบ้านสุดไฮโซของ ไดโน สักครั้ง
แต่ ไดโน่ เองก็ไม่ได้อยากให้ใครไปที่บ้านเขา เพราะเขามีความลับบางอย่างที่ได้ปกปิดเอาไว้อยู่ แต่ด้วยความที่ไม่อยากเสียหน้ากับเพื่อนๆ เขาจึงตัดสินใจจ้าง แนนโนะ ให้จัดการแก้ไขปัญหานี้ให้
ความลับของ ไดโน่ คืออะไร แล้ว แนนโนะ จะแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีไหน
ตอนที่ 5 (Episode 5) “ความรักในโลกโซเชียล (Social Love)” – กำกับโดย ที-ธวัช แตงยงวิจิตร
“กระแสคลั่งยอดไลค์“
เรื่องราวความสัมพันธ์ของ ฮั่น (รับบทโดย ธัชพล ธิติอภิชัย) ไอดอลหนุ่มประจำโรงเรียนที่คลั่งไคล้กับยอดไลค์ในโลกโซเชียล กับ แนนโนะ เด็กใหม่ของโรงเรียน โดยทั้งคู่ถูกแรงเชียร์จากเหล่าบรรดาแฟนคลับของ ฮั่น เชียร์ให้เป็นแฟนกัน จนถึงขนาดตั้งแฮชแทคให้เป็นคู่รัก ฮั่นโนะ
ฮั่น ซึ่งหลงใหลการอยู่ในกระแสความนิยมอยู่แล้ว จึงขอ แนนโนะ เป็นแฟนตามเสียงเชียร์ของเหล่าบรรดาแฟนคลับ ซึ่ง แนนโนะ ก็ไม่ปฏิเสธ แต่ได้ตั้งข้อตกลงว่า คบกันแล้วห้ามทิ้งกัน จนในที่สุดกระแส ฮั่นโนะ ก็แรงถึงขีดสุด ทำให้ ยุ้ย (รับบทโดยโดย ชณิมา บุญภาณุวิจิตร) ที่เป็นแฟนตัวจริงของ ฮั่น เกิดความไม่พอใจขึ้น
เรื่องราวของพวกเขาทั้ง 3 คนจะเป็นอย่างไร
ตอนที่ 6-7 (Episode 6-7) “Wonderwall” – กำกับโดย จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร
“นักเรียนผวา โดนเพื่อนรุมแกล้งหวิดดับ”
หลังจากที่ แนนโนะ ได้ย้ายเข้ามาในโรงเรียนแห่งหนึ่ง เธอก็ได้ไปสมัครเป็นผู้จัดการทีมของทีมฟุตบอลโรงเรียน ซึ่งมี แบม (รับบทโดย มรกต หลิว) ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว แต่การทำหน้าที่ของ แบม ก็เป็นเพียงแค่ดูแลและเทคแคร์เฉพาะ โอ้ (รับบทโดย ปรัชญ์ดนัย เนตรประเสริฐกุล) ดาวเด่นประจำทีมฟุตบอลที่ แบม ปลื้มอยู่เท่านั้น โดยที่ไม่ได้ใส่ใจคนอื่นเลย
การเข้ามาของ แนนโนะ ซึ่งทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี เอาใจใส่ทุกคนเท่าเทียมกันบวกกับหน้าตาและบุคลิกที่สดใสสุดแสนมีเสน่ห์ของ แนนโนะ จึงทำให้ทุกคนในทีมรวมถึง โอ้ หันไปสนใจตัว แนนโนะ กันหมด ทำให้ แบม รู้สึกหมั่นไส้และเกลียด แนนโนะ มาก จนถึงขั้นไประบายอารมณ์โดยการเขียนด่า แนนโนะ ในห้องน้ำ
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้นต่อไป เมื่อทุกสิ่งที่ถูกเขียนบนผนังห้องน้ำนั้นกลายเป็นเรื่องจริง
ตอนที่ 8 (Episode 8) “Lost & Found” – กำกับโดย ศิววุฒิ เศวตานนท์
“เด็กบ้านรวยขี้ขโมย”
เมื่อ แนนโนะ ได้ย้ายเข้ามาเป็นเด็กใหม่ที่ โรงเรียนเขมะวิทยานุสรณ์ เธอก็ได้พบเด็กใหม่คนหนึ่งที่ชื่อ TK (รับบทโดย เอกวัฒน์ นิรัตน์วรปัญญา) ซึ่งถูกไล่ออกจากโรงเรียนเก่าเพราะขโมยของ
TK เป็นลูกชายของนักธุรกิจใหญ่ระดับมหาเศรษฐีที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศอยู่ตลอดเวลาและไม่เคยมีเวลาให้กับ TK เลย แม้กระทั่งเวลาที่ TK ได้สร้างปัญหาอะไรไว้ พ่อของเขาก็จะส่งลูกน้องให้มาจัดการเคลียร์ปัญหานั้นๆ แทน
ชื่อเสียงทางด้านการเป็นหัวขโมยของ TK แพร่กระจายไปทั่วจนเขาไม่มีเพื่อนเลยสักคน จนกระทั่งได้เจอกับ แนนโนะ เคมีของทั้งสองคนเข้ากันเป็นอย่างมากรวมถึงนิสัยการเป็นหัวขโมย วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งความรู้สึกลึกๆ ในใจของทั้งสองคนเริ่มเปลี่ยนไป
ตอนที่ 9 (Episode 9) “กับดัก (Trap)” – กำกับโดย จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร
“มือแทงโหดบุกโรงเรียน”
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในวันที่มีนักโทษคดีฆาตกรรมแหกคุกหนีเข้ามาในโรงเรียนและปลอมตัวเป็นนักเรียนเพื่อไล่ฆ่าทุกคนในโรงเรียนทั้งหมด นักเรียนและคุณครูกลุ่มหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย ครูต่อ (รับบทโดย โอ อนุชิต สพันธุ์พงษ์), แตง (รับบทโดย ชมพูพันธุ์ทิพย์ เต็มธนมงคล) ลูกสาวววัยประถมของ ครูต่อ, แก้ว (รับบทโดย กานต์ธีรา ขาวสะอาด) ประธานนักเรียน, ดวง (รับบทโดย ไปรยา สังขจินดา) และ บุ้ง (รับบทโดย กมลพร โกสียรักษ์วงศ์) 2 สาวเพื่อนสนิท, สา (รับบทโดย อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร) และ เสือ (รับบทโดย สมเจตน์ เทพรังสิมันต์กุล) คู่รักที่เพิ่งคบกัน และ โก้ (รับบทโดย อวัช รัตนปิณฑะ) หัวโจกประจำชั้น จึงต้องแอบซ่อนตัวอยู่ในห้องเรียนที่ไม่มีทางหนีออกไปได้ แถม 1 ในนักเรียนที่ติดอยู่ในห้องนี้ด้วยก็คือ แนนโนะ เด็กใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก
ทุกคนต้องอยู่ภายในห้องด้วยความหวาดวิตกกังวล และกดดันจากสถานการณ์ที่บีบคั้น รวมถึงความเกลียดชังที่แต่ละคนก็มีให้แก่กันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งเดียวที่อยู่ภายในใจของทุกคน คือ การเอาตัวรอด โดยที่ไม่สนใจว่าคนอื่นที่เหลือจะเป็นอย่างไร
ตอนที่ 10 (Episode 10) “ขอบคุณค่ะ คุณครู (Thank you, Teacher)” – กำกับโดย วรายุ รักสกุล
“ครูโหด ทำโทษเด็กแรงเกินเหตุ”
เรื่องราวของ ครูอั้ม (รับบทโดย คลาวเดีย จักรพันธุ์) คุณครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่มีชีวิตความสัมพันธ์ทางสังคมในโรงเรียนและชีวิตครอบครัวที่ไม่สู้ดีนัก เธอเป็นคุณครูที่เจ้าระเบียบและไม่มีอารมณ์ที่ผ่อนคลายในการสอน จนทำให้ไม่เป็นที่รักของเด็กๆ มากนัก แม้กระนั้น ครูอั้ม ก็ยังพยายามที่จะเสนอแผนการเรียนการสอน เพื่อที่จะแก้ไขระบบการศึกษาของโรงเรียนนี้ ให้ไปในทิศทางที่เธอคิดว่าดีและจะพาให้โรงเรียนและนักเรียนพัฒนาไปในแนวทางที่ดีขึ้น แต่แผนดังกล่าวก็ไม่เป็นที่ยอมรับของผู้อำนวยการ
หนำซ้ำ ความบอบช้ำจากการโดนสามีนอกใจทำให้สภาพจิตใจของเธอยิ่งดิ่งลงเหวลงเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง ความกดดันทั้งจากการทำงานและชีวิตส่วนตัวของเธอ ได้นำพาเธอมาถึงจุดแตกหักจนได้
ตอนที่ 11 (Episode 11) “The Rank” – กำกับโดย ชัยน่าน สร้อยชุมพา
“เด็กมัธยมไทยคลั่งศัลยกรรม”
ณ โรงเรียนสตรีวิจิตรยาตรา โรงเรียนหญิงล้วนที่ให้ความสำคัญกับความสวยของนักเรียน จนมีการจัดอันดับเป็นแบบเรียลไทม์กันเลยทีเดียว ซึ่งนักเรียนคนไหนที่มีความงามติดอันดับท็อปเท็น ก็จะได้รับการต้อนรับเข้าสู่อาคารเลิศฟ้า สถานที่ที่ซึ่งจะให้การดูแลต้อนรับเหล่าท็อปเท็นทั้งหลายเป็นอย่างดี เปรียบเสมือนบุคคลชนชั้นสูง
และในแต่ละปีก็จะมีการมอบรางวัลดาวจรัสแสงให้กับนักเรียนที่เป็นอันดับ 1 รางวัลซึ่งนักเรียนทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะคว้ามาให้ได้ จนกระทั่งสามารถทำได้ทุกวิถีทางที่จะให้ได้มันมา
ตอนที่ 12-13 (Episode 12-13) “เลี้ยงรุ่น (BFF)” – กำกับโดย คมกฤช ตรีวิมล
“นักเรียนอันธพาล บันดาลโทสะทำร้ายเพื่อนปางตาย”
ในงานเลี้ยงรุ่น “12 ปีคืนสู่เหย้า 6/1 ศักดิ์นุสรณ์ 114” งานรวมตัวกลุ่มเพื่อนห้องม.6/1 ที่ไม่ได้เจอกันมานาน โดยมี วิทย์ (รับบทโดย คงคิด วิเศษศิริ) ประธานรุ่นเป็นตัวหลักในการจัดงาน, ทัพ (รับบทโดย กันต์ชนุตม์ เก่งการค้า) และ ฟอง (รับบทโดย ณัฐนิชา หลวงอนันต์กุล) คู่รักทรหดประจำรุ่น, พราว (รับบทโดย ฐิติชญา ชิวปรีชา), เบลล์ (รับบทโดย ศุภาวีร์ ปาลิศรีโรจน์), เม้ง (รับบทโดย นารถ โอวารัง), ชัย (รับบทโดย กฤชภูมิ ธนาพัฒน์), หมอไก่ (รับบทโดย อติคุณ อดุลโภคาธร) และ เตี้ย (รับบทโดย เชษฐพัทธ์ เขื่อนแก้ว) มาร่วมงานด้วย ซึ่งต่างคนต่างก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่การงานและมีครอบครัวที่ดีพร้อม
และไฮไลท์สำคัญของงาน คือการเปิดกล่องไทม์แคปซูลที่ทุกคนในห้องได้ใส่ของที่มีค่าทางใจ แทนความรู้สึกของตัวเองในช่วงเวลานั้นไว้ พร้อมกับคำสัญญา “จะรักกันไปจนวันตาย” กับมิตรภาพเพื่อนรักครั้งนี้
ความทรงจำอันสวยงามในอดีตค่อยๆ ไหลผ่านเข้ามาพร้อมกับสิ่งของแต่ละชิ้นที่หยิบขึ้นมาจากไทม์แคปซูลนั้น สร้างความสุขสนุกสนานให้กับทุกคนในงานเป็นอย่างดี จนกระทั่งมาถึงของชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นของใคร ต่างคนต่างพยายามยามนึกว่าโทรศัพท์เครื่องนั้นจะเป็นของใครได้
และแล้วความทรงจำอันดำมืดก็ค่อยๆ กระจ่างขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับการปรากฏตัวของ แนนโนะ เพื่อนที่ทุกคนได้หลงลืมกันไปแล้ว
ความรู้สึกหลังดูจบซีซั่น
ยอมรับในความกล้านำเสนอเรื่องราว พลอตเรื่องและมุมมองใหม่ๆ ให้กับวงการซีรีส์ไทยเลยฮะ สำหรับ เด็กใหม่ ซีซั่น 1 โดยรวมถือว่าเดินเรื่องได้สนุก และน่าติดตามมากๆ
ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งของซีรีส์ชุดนี้ก็คือ เป็นซีรีส์แบบจบในตอน แต่ละตอนไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องกัน และตลอดทั้งซีซั่นก็ไม่ได้มีการบอกเล่าที่มาที่ไปของตัวละคร แนนโนะ เลย ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไร และทำอะไรได้บ้าง จึงทำให้คนดูไม่จำเป็นต้องดูให้ครบทุกตอนก็ได้ หรือจะเลือกดูสลับตอนกันอย่างไรก็ได้ (ก็แค่อาจจะงงๆ ว่า อิแนนโนะ มึงเป็นตัวอะไรกันแน่วะ)
แต่ถ้าหากใครที่เป็นแฟนการ์ตูนญี่ปุ่นมาก่อน ก็จะรู้สึกคุ้นๆ กับคาแรคเตอร์ของตัวละคร แนนโนะ นี่อยู่พอสมควรล่ะฮะ โดยเฉพาะใน Episode 2 นี่ เรียกได้ว่าถอดแบบมาจากมังงะเรื่อง คลังสยอง – บท โทมิเอะ ของอาจารย์ Junji Ito เลยก็ว่าได้ หรืออย่างใน Episode 12-13 ที่เกี่ยวกับเพื่อนที่ถูกลืมไป ก็ดันไปคล้ายกับมังงะในตำนานอย่าง 20th Century Boys ของอาจารย์ Naoki Urasawa อีก
อีกทั้งพลอตเรื่องและความน่าพิศวงต่างๆ ของ แนนโนะ ในหลายๆ ตอน ก็ทำให้ถึงเรื่องราวจากมังงะยุคเก่าอย่าง ชั่วโมงเรียนพิศวง ของอาจารย์ Yōsuke Takahashi รวมถึงการดำเนินเรื่องในบางช่วงก็ให้อารมณ์เหมือนซีรีส์ยุคเก่าอย่าง The Twilight Zone (เพิ่งมีฉบับ Remake ไปเมื่อปี 2019) ด้วยเหมือนกัน
จุดที่ไม่ชอบอย่างหนึ่งเลยก็คือ ทั้งๆ ที่ประเด็นหลักที่ต้องการจะพูดถึงในแต่ละตอน ก็มีความน่าสนใจทุกประเด็น แต่บางตอนกลับมีการเดินเรื่องที่ค่อนข้างน่าเบื่อ ไม่ค่อยลุ้นระทึกเท่าไหร่ และบางตอนก็ไม่สามารถดึงความน่าสนใจของประเด็นหลักมาเล่าให้ถึงแก่นได้
ดังนั้น ถ้าจะให้คะแนนความชอบแยกเป็นตอนๆ ไป ก็น่าจะแยกให้คะแนนได้เป็นดังนี้
ตอนที่ 1 (Episode 1) “The Ugly Truth” >> ให้ 8 เต็ม 10 > เดินเรื่องได้ดี เล่าแก่นของเรื่องได้อย่างตรงไปตรงมาและถูกจุด ที่สำคัญจบได้สะใจมาก
ตอนที่ 2 (Episode 2) “Apologies (ขอโทษ ขอโทษ)” >> ให้ 7.5 เต็ม 10 > ยังคงเดินเรื่องได้ดีชวนให้ติดตาม แต่พลอตเหมือนก็อปมังงะมา
ตอนที่ 3 (Episode 3) “อัจฉริยะ (Trophy)” >> ให้ 7 เต็ม 10 > แก่นของเรื่องที่ต้องการนำเสนอมีความน่าสนใจดี แต่การเดินเรื่องยังไม่ค่อยหวือหวาเท่าไหร่ แถมยังจบได้ไม่แรงอย่างที่คิด
ตอนที่ 4 (Episode 4) “Hi-So” >> ให้ 8 เต็ม 10 > เดินเรื่องได้สนุกมาก ให้ความรู้สึกเหมือนซีรีส์ฝรั่งเลย
ตอนที่ 5 (Episode 5) “ความรักในโลกโซเชียล (Social Love)” >> ให้ 6.5 เต็ม 10 > เดินเรื่องน่าเบื่อไปหน่อย แถมแก่นของเรื่องที่ต้องการนำเสนอ ก็ยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ จบเหมือนจะดี แต่ดูแล้วรู้สึกแปลกๆ ยัไงไม่รู้
ตอนที่ 6-7 (Episode 6-7) “Wonderwall” >> ให้ 6.5 เต็ม 10 > จริงๆ ตอนนี้ พลอตเรื่องน่าสนใจมาก แต่การเดินเรื่องกลับอืดอาดยืดยาด แถมยังจะยืดออกเป็น 2 ตอนอีก ถ้าทำเป็นตอนเดียวแล้วเล่าให้กระชับ น่าจะทำออกมาได้สนุกกว่านี้นะ
ตอนที่ 8 (Episode 8) “Lost & Found” >> ให้ 7 เต็ม 10 > เป็นตอนที่ให้อารมณ์โรแมนติกที่สุดในซีซั่น 1 การนำเสนอเรื่องราวทำออกมาได้ดี แต่แก่นของเรื่องนำเสนอได้ไม่ค่อยชัดเท่าที่ควร คือดูจบแล้วยังนึกไม่ออกว่าตอนนี้ต้องการวิพากษ์สังคมในเรื่องไหนกันแน่
ตอนที่ 9 (Episode 9) “กับดัก (Trap)” >> ให้ 6.5 เต็ม 10 > เป็นตอนที่ทำบทสรุปตอนจบได้ดี แต่ระหว่างทางตั้งต้นจนถึงบทสรุปนั้น ทำออกมาได้ไม่สนุกเท่าที่ควร และการแสดงของนักแสดงเกือบทุกคนดูน่ารำคาญยังไงไม่รู้ (ดูโอเวอร์แอคติ้งไปหน่อย)
ตอนที่ 10 (Episode 10) “ขอบคุณค่ะ คุณครู (Thank you, Teacher)” >> ให้ 7.5 เต็ม 10 > มีแก่นของเรื่องที่ต้องการนำเสนอค่อนข้างที่จะดราม่ามากๆ แต่วิธีการเล่าเรื่องยังทำไม่ค่อยถึงเท่าไหร่
ตอนที่ 11 (Episode 11) “The Rank” >> ให้ 6.5 เต็ม 10 > ตอนนี้ไม่ค่อยสนุกหรือแมวไม่ค่อยอินก็ไม่รู้นะฮะ แต่แมวว่าแก่นที่ต้องการจะเล่ากับพลอตเรื่องที่นำเสนอมา มันดูเหมือนไปกันคนละทางยังไงไม่รู้แฮะ
ตอนที่ 12-13 (Episode 12-13) “เลี้ยงรุ่น (BFF)” >> ให้ 8 เต็ม 10 > เนื้อเรื่องเข้มข้น ลุ้นระทึกดี แถมจังหวะการแบ่งพาร์ทยังทำออกมาได้ตรงจังหวะดีมาก กระตุ้นความอยากดูต่อได้เป็นอย่างดี เป็นอีกตอนที่ทำออกมาได้คล้ายซีรีส์ฝรั่งเลย
สรุป >> สำหรับ เด็กใหม่ ซีซั่น 1 โดยเฉลี่ยภาพรวมให้ไป 7.5 เต็ม 10 นะฮะ
ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยนะฮะ คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ