Home Movies Homunculus (ฮามังคิวลัส) กับการทดลองเปิดประสัมผัสที่หกของมนุษย์

[รีวิว] Homunculus (ฮามังคิวลัส) กับการทดลองเปิดประสัมผัสที่หกของมนุษย์ [Movie]

[Review] Homunculus (ฮามังคิวลัส) [2021]

Homunculus (ฮามังคิวลัส, ホムンクルス) ภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนว Psychological Sci-Fi Thriller ที่ดัดแปลงมาจากชื่อเรื่องเดียวกันของอาจารย์ Hideo Yamamoto

กำกับโดย Takashi Shimizu (ที่เคยฝากผลงานภาพยนตร์ตระกูล Ju-On และ The Grudge มาแล้วเกือบทุกภาค)
นำแสดงโดย
Go Ayano รับบทเป็น Susumu Nokoshi
Ryo Narita รับบทเป็น Manabu Itoh
Yukino Kishii รับบทเป็น หญิงสาวปริศนา
Ann Ishii รับบทเป็น นักเรียนไฮสกูล
Seiyo Uchino รับบทเป็น หัวหน้าแกงค์มาฟีย

สามารถรับชมได้ทางช่อง Netflix

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Susumu Nakoshi ชายจรจัดไร้บ้าน ไร้งานอายุ 34 ปี ที่ใช้ชีวิตเพียงแค่อยู่ไปวันๆ เขาอาศัยหลับนอนอยู่ในรถของเขา ส่วนเวลากิน บางครั้งเขาก็จะไปขอร่วมกินอาหารกับกลุ่มคนจรจัดที่อาศัยอยู่ในสวนสาธารณะเมืองชินจูกุ แต่บางมื้อเขาก็เข้าไปกินอาหารในโรงแรมสุดหรู นั่นหมายความว่า เขาไม่ใช่คนจรจัดจริงๆ เขามีเงิน มีบ้าน แต่เพราะเหตุใด เขาถึงต้องทำตัวเป็นคนจรจัด?

วันหนึ่ง Manabu Itoh แพทย์ฝึกหัดหนุ่มจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งได้เข้ามาเชิญชวนเขาให้ไปร่วมทำการทดลองอะไรบางอย่าง ที่เขาอธิบายว่าเป็นการเจาะรูบนหัวกะโหลกช่วงตรงกลางหน้าผาก เพื่อดึงประสิทธิภาพการทำงานของสมองมนุษย์ให้สามารถใช้งานได้อย่าง 100% ซึ่งอาจจะเปิดการเปิดสัมผัสที่ 6 ของมนุษย์ได้ โดยการแลกกับเงินจำนวน 700,000 เยน

ตอนแรก นาโกชิ ปฏิเสธที่จะร่วมการทดลอง เพราะเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน หรือมีความต้องการอะไรเป็นพิเศษ จนกระทั่ง อิโตะ ยื่นขอเสนอว่า ขอเวลาทำการทดลองเพียงแค่ 7 วัน เขาจะมอบเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ให้กับ นาโกชิ

นาโกชิ ซึ่งปัจจุบันก็ใช้ชีวิตอย่างไม่มีจุดหมายอยู่แล้ว เพราะเขาได้สูญเสียความทรงจำบางส่วนที่สำคัญไป จึงได้ตกลงเข้าร่วมทำการทดลอง และหลังจากทำการเจาะรูที่กระโหลกหน้าผากเรียบร้อย อิโตะ ก็ได้สอนวิธีในการดึงพลังสัมผัสที่หกของสมองออกมาใช้งาน

และนั่นเองที่ทำให้ นาโกชิ มีสัมผัสที่หก ที่สามารถมองเห็นจิตใจที่บิดเบี้ยวที่ฝังอยู่ภายใต้จิตสำนึกของมนุษย์

เขาจะทำอย่างไรกับพลังที่ได้มานี้ และจุดประสงค์ที่แท้จริงของ อิโตะ คืออะไร ไร่วมลุ้นและหาคำตอบด้วยกันฮะ

ความรู้สึกหลังดูจบ
ขออนุญาตรีวิวในมุมมองของคนที่ไม่เคยอ่านฉบับมังงะมาก่อนนะฮะ (ฉบับมังงะยังไม่มีลิขสิทธิ์ในบ้านเรานะฮะ แต่ที่เคยเห็นมีสำนักพิมพ์ไพเรทเจ้าหนึ่งกำลังพิมพ์จำหน่ายอยู่ฮะ แต่รู้สึกว่าจะทยอยออกนะฮะ ซึ่งในวันที่เขียนรีวิวนี้ น่าจะยังออกไม่จบนะ)

ก่อนอื่นเลย ขอชมงาน CG ก่อนเลยฮะ ทำได้เนียนมากฮะ ภาพสวย ชอบมากเลยฮะ ส่วนลักษณะการเดินเรื่องก็จะเป็นสไตล์หนังญี่ปุ่นแหละฮะ จะมีความเนิบๆ บนพลอตเรื่องที่น่าฉงน นั่นจึงทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อหรือชวนให้ง่วงเลยฮะ แต่ถ้าใครไม่ชอบการเดินเรื่องแบบหนังคัลท์สไตล์ญี่ปุ่น ก็น่าจะไม่ชอบเรื่องนี้ฮะ

หนังเรื่องนี้ มีมุมมองการนำเสนอที่ต้องตีความอยู่ค่อนข้างเยอะพอสมควร ซึ่งแต่ละคนก็อาจจะตีความแตกต่างกันไป และนี่แหละคือเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้ แต่แม้ว่าคุณจะไม่ชอบดูหนังที่ต้องมีตีความอะไรมากนัก คุณก็น่าจะสนุกกับเรื่องราวที่ผู้กำกับพาไปได้เช่นกัน

จุดที่ไม่ชอบที่สุดเลยก็คือ การเฉลยในช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง ที่ยังดูไม่ค่อยอิมแพคเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่าด้วยจำนวนของมังงะ 15 เล่ม แล้วต้องมาย่นให้จบในระยะเวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง แถมผู้กำกับยังเลือกที่จะไปเดินเรื่องแบบเนิบๆ ในช่วงต้น แล้วมาอัดรัวๆ ในช่วงท้าย ซึ่งมันก็ไม่พีคอย่างที่คาดไว้อ่ะฮะ แต่กลับให้ความรู้สึกว่าเหมือนอารมณ์หนังมันจะดรอปๆ ลงมาด้วยซ้ำ

สรุป >> ให้ไป 6.5 เต็ม 10 ละกัน คือหนังมันก็ดูสนุกนะ เพียงแต่ว่าไม่ชอบตอนจบอ่ะฮะ

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version