Home Movies I Am a Hero (Live Action) เมื่อ”วิกฤต” สร้าง “วีรบุรุษ”

[รีวิว] I Am a Hero (Live Action) เมื่อ”วิกฤต” สร้าง “วีรบุรุษ” [Movie]

[REVIEW] I AM A HERO (ข้าคือฮีโร่) (Live Action) [2015]


I AM A HERO (ข้าคือฮีโร่) (Live Action) ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากมังงะแนว Horror-Survival ชื่อเรื่องเดียวกัน (คลิกเข้าไปอ่านรีวิวมังงะได้ที่นี่ฮะ) ซึ่งเป็นผลงานของอาจารย์ Kengo Hanazawa

เขียนบทโดย Akiko Nogi
กำกับโดย Shinsuke Sato ที่เคยฝากผลงานการกำกับ Live Action เรื่อง Gantz ทั้ง 2 ภาคมาก่อน

นำแสดงโดย
Yô Ôizumi (จากภาพยนตร์เรื่อง Twilight: Saya in Sasara และ Kakekomi) รับบทเป็น Hideo Suzuki
Kasumi Arimura (จากภาพยนตร์เรื่อง Strobe Edge และ Flying Colors) รับบทเป็น Hiromi Hayakari
Masami Nagasawa (จากภาพยนตร์เรื่อง Wood Job! และ The Crossing) รับบทเป็น Tsugumi Oda
Hisashi Yoshizawa (จากภาพยนตร์เรื่อง One Missed Call 2 และ Goodbye Debussy) รับบทเป็น Iura
Yoshinori Okada (จากภาพยนตร์เรื่อง Sailor Suit and Machine Gun: Graduation และ Get My Revenge) รับบทเป็น Okada Sango
Nana Katase (จากภาพยนตร์เรื่อง Death Note: The Last Name และ 20th Century Boys ทั้ง 3ภาค) รับบทเป็น Tekko

เรื่องย่อ/เนื้อย่อ
เรื่องราวของ Hideo Suzuki นักวาดการ์ตูนมังงะ ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆ ในชีวิตเลย ทั้งเรื่องงาน และเรื่องความรัก จัดว่าเป็นเป็น Loser ขนานแท้ ที่ต้องหนีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์เชื่อไวรัสระบาด ที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ และในระหว่างที่หลบหนีจากกลุ่มซอบบี้อาละวาดอยู่นั้น เขาก็ได้พบกับเด็กสาวมัธยมที่ชื่อ Hiromi Hayakari และอดีตพยาบาลสาว Oda Yabu ผู้ที่กลายเป็นแรงผลักดันทำให้ ฮิเดโอะ มีความกล้าหาญและความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เพื่อต่อสู้กับสิ่งต่างๆ รอดตัว ทั้งจากเหล่าซอมบี้ที่บ้าคลั่ง รวมถึงแรงกดดันและความเห็นแก่ตัวจากผู้คนที่เหลือรอดอยู่

ความคิดเห็นหลังจากดูจบ
เป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากมังงะได้ดีในระดับพอใช้ได้นะฮะ แต่ด้วยความที่หนังถูกสร้างในเรท 15+ ดังนั้น ความรุนแรงและเรื่องเซ็กซ์แบบจัดเต็มแบบในมังงะจึงถูกตัดออกไปหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ

นอกจากภาพความรุนแรงและเรื่องเซ็กซ์ที่ถูกตัดออกไปแล้ว ในมุมของการวิพากษ์และเสียดสีสังคมแบบที่ในมังงะนำเสนอ ก็ถูกลดทอนความเข้มข้นลงไปเยอะพอสมควร จึงทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นแค่หนังแอ็คชั่นเอาตัวรอดจากวิกฤตซอมบี้ธรรมดาๆ ไปเลย

สิ่งที่หนังเรื่องนี้แตกต่างจากหนังซอมบี้เรื่องอื่นๆ คือ ลักษณะของตัวซอมบี้เอง ที่ยังคงมีพฤติกรรมที่ยึดติดอยู่กับการกระทำสุดท้ายก่อนที่จะติดเชื้อ เช่นถ้าช่วงที่อยู่ระหว่างการติดเชื้อกำลังรอรถเมล์อยู่ หลังจากติดเชื้อแล้วก็จะยังคงไปยืนรอเมล์อยู่อย่างนั้น เป็นต้น ซึ่งเราก็จะได้เห็นอาการตั้งแต่ตอนที่เริ่มต้นติดเชื้อจนกระทั่งค่อยๆ กลายเป็นซอมบี้โดยสมบูรณ์กันเลย

นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นสภาพบ้านเมือง/สังคมที่ค่อยๆ ล่มสลาย เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นซอมบี้ผ่านมุมมองของตัวพระเอก

โดยภาพรวมแล้ว ถ้าไม่เคยอ่านมังงะมาก่อน คุณจะได้รับอรรถรสความสนุกไปแบบเต็มๆ เลยฮะ เพราะจะได้ไม่ต้องมาคอยเปรียบเทียบฉากนู้นฉากนี้กับในมังงะให้เสียอารมณ์ ฉาก Action สนุกและลุ้นระทึกดี ในส่วนของ Make-Up, CG และ Special Effect ต่างๆ ทำออกมาได้ดีมากๆ ถอดแบบออกมาจากมังงะได้แทบจะ 100% เลยทีเดียว

ซึ่งเนื้อเรื่องในหนังจะถึงประมาณเล่มที่ 8 ของฉบับมังงะนะฮะ

สรุป >> ให้ไป 7 เต็ม 10 นะฮะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังแนวเอาตัวรอดจากซอมบี้ที่ไม่เคยอ่านฉบับมังงะมาก่อน เพราะคุณจะสามารถสนุกกับเรื่องราวในหนังได้อย่างเต็มที่

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยนะฮะ คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ


และในปี 2016 ก็ได้มีการสร้างภาค Spin-Off ของฉบับ Live Action นี้ออกมาเป็น Mini Series 5 Episode ในชื่อเรื่อง Hajimari no hi โดยจะโฟกัสไปที่ตัวละครพยาบาลสาว Oda Yabu (นำแสดงโดย Masami Nagasawa) ในช่วงที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์ไวรัสระบาด

Exit mobile version