Home Anime Knights of the Zodiac กับการตีความที่แตกต่าง

[รีวิว] Knights of the Zodiac กับการตีความที่แตกต่าง [Anime]

[Review] Knights of the Zodiac: Saint Seiya [2019 – Present]

Knights of the Zodiac: Saint Seiya (เซนต์เซย่า เทพบุตรแห่งดวงดาว) อนิเมชั่นซีรีส์ของค่าย TOEI Animation ที่ลงฉายทางช่อง NETFLIX ซึ่งเป็นการนำมังงะดังยุค 80 เรื่อง Saint Seiya (聖闘士星矢 (セイントセイヤ),  Seinto Seiya) ของอาจารย์ Masami Kurumada มาดัดแปลงและตีความใหม่

อำนวยงานสร้างโดย Yoshi Ikezawa และ Joseph Chou
กำกับโดย Yoshiharu Ashino

ปัจจุบันมี 2 Season แล้ว แต่ใน Netflix มีแค่ Season แรกเท่านั้น โดยแบ่งฉายเป็น 2 พาร์ท พาร์ทละ 6 ตอน (รวมเป็น 12 ตอน) ส่วน Season 2 (Battle For Sanctuary) ถูกย้ายไปออนสตรีมทาง Crunchyroll แทนนะฮะ

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
Alman Kido (คิโดะ มิสึมาสะ) และ Vander Guraad 2 เพื่อนสนิทและหุ้นส่วนทางธุรกิจ ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างมากทางด้านแวดวงที่เกี่ยวกับระบบข้อมูลข่าวสาร จากการค้นหาและซื้อขายดาต้าข้อมูลต่างๆ

ในวันหนึ่งเมื่อ 15 ปีก่อน ทั้งสองคนได้เดินทางไปยังเกาะแห่งหนึ่งในทะเลอีเจียน และบังเอิญได้พบกับ โกลด์เซนต์ไอโอรอส ที่กำลังนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่ ไอโอรอส ได้แสดงนิมิตให้ อัลแมน และ แวนเดอร์ เห็นถึงข้อมูลสำคัญอันน่าตกใจว่า…

“ทุกๆ 200-300 ปี จะเกิดสงครามระหว่างเทพขึ้นบนพื้นโลก นำโดย เฮดีส เทพแห่งยมโลก และ โพไซดอน เทพแห่งมหาสมุทร ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง เทพีอาธีน่า จะลงมาจุติเพื่อทำการปกป้องมนุษย์โลกจากมหนตภัยร้าย ทางด้าน เฮดีส และ โพไซดอน จึงได้วางแผนที่จะสังหาร เทพีอาธีน่า ก่อนที่จะคืนพลังเต็มที่ เพื่อหวังที่จะครอบครองโลก และเมื่อใดที่เทพีอาธีน่าได้พบกับภยันตราย เหล่าเซนต์ก็จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อปกป้องเทพีอาธีน่าจะอันตรายเหล่านั้น”

ก่อนที่ ไอโอรอส จะเสียชีวิต เขาได้ฝากฝังให้ อัลแมน ช่วยดูแลทารกน้อยคนหนึ่งที่อยู่อยู่ในอ้อมกอดเขา ซึ่งเชื่อว่า นั่นคือร่างจุติของ เทพีอาธีน่า ในยุคสมัยนี้ พร้อมกับมอบชุด โกลด์คลอธ ให้ดูแลรักษาและเก็บเป็นความลับไว้ให้ดี

หลังจากนั้น ทั้ง อัลแมน และ แวนเดอร์ จึงได้กลับมาเก็บรวบรวมข้อมูลและศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับ เซนต์ และ แซงค์ทัวรี่ ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลเหล่าเซนต์ทั้งหมดอย่างหนัก และยิ่งเรียนรู้มากท่าไหร่ แวนเดอร์ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเขาเองต่างหากที่จะต้องเป็นคนต่อสู้กับเหล่าทวยเทพ ด้วยการรวบวมข้อมูลต่างๆ  เพื่อนำไปพัฒนาอาวุธและสร้างกองทัพเซนต์ของตัวเขาเอง และนั่นเอง สงครามระหว่าง แวนเดอร์ และ แซงทัวรี่ จึงได้เริ่มต้นขึ้น

ในขณะที่ อัลแมน ยังคงเชื่อมั่นในพลังของ เทพีอาธีน่า ว่าจะสามารถช่วยเหลือโลกได้ เขาจึงได้ออกตามหาเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่มีพลังแฝงและมีโอกาสที่จะปลุกพลังเหล่านั้นให้ตื่นขึ้นมาในฐานะ เซนต์ ผู้ปกป้อง เทพีอาธีน่า ได้

และคนแรกที่ อัลแมน ได้พบ ก็คือเด็กหนุ่มที่ชื่อ เซย่า เด็กหนุ่มกำพร้าที่ในวัยเด็กเขาต้องพลัดพรากจาก แพทริเชีย (เซกะ) พี่สาวคนเดียวของเขาการการถูกบุกเข้ามาโจมตีโดยกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่ง แต่ก่อนที่จะเกิดอันตรายใดๆ ขึ้นกับ แพทริเชีย ได้มี โกลด์เซนต์ คนหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือพวกเขา และพาตัว แพทริเชียหายไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้เพียง เซย่า ให้ต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

จนกระทั่ง เซย่า เติบโตขึ้นมาเป็นวัยรุ่น เขาบังเอิญไปมีเรื่องกับแก้งค์อันธพาลกลุ่มหนึ่ง จนได้เผลอปลดปล่อยพลังคอสโม่ออกมาโดยที่เขาก็ไม่รู้อะไรเลย และนั่นเองจึงทำให้ อัลแมน เชื่อว่า เซย่า คือผู้ที่เกิดภายใต้กลุ่มดาวเปกาซัส 1 ในผู้ถูกเลือกที่จะถือกำเนิดมาเป็น เซนต์ ปกป้องเทพีอาธีน่า และ แซงค์ทัวรี่ ที่เขากำลังตามหาอยู่

อัลแมน ได้แนะนำให้ เซย่า เดินทางไปที่เกาะเคมอสเพื่อฝึกฝนเป็น บรอนเซนต์ และนำชุดคลอธ เปกาซัส กลับมาให้ได้เพื่อทำหน้าที่ปกป้อง เทพีอาธีน่า ตามนิมิตของ โกลด์เซนต์ไอโอรอส ซึ่งแม้ตัว เซย่า เองจะยังไม่เชื่อในพลังของตัวเองก็ตาม แต่เพื่อตามหาเบาะแสของ แพทริเชีย พี่สาวของเขา ซึ่ง อัลแมน ได้ให้ข้อมูลว่าน่าจะอยู่ที่เกาะเคมอสด้วยเช่นกัน เซย่า จึงต้องจำใจเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าว และแล้วการผจญภัยของ เซย่า จึงได้เริ่มต้นขึ้น

เนื้อเรื่องช่วงเริ่มต้นก็จะประมาณนี้นะฮะ ไม่เล่าต่อแระ ลองไปหาดูกันต่อเอาเองนะฮะ

ความรู้สึกหลังจากได้ดู [มีสปอยเล็กน้อย]
ในซีซั่นแรกที่ออนสตรีมทาง Netflix นั้น จะถูกแบ่งการฉายออกเป็น 2 พาร์ทนะฮะ โดยแต่ละพาร์ทจะมีจำนวน 6 ตอนเท่านั้น (นั่นคือในซีซั่นแรกจะมีเพียงแค่ 12 ตอน) ซึ่งในพาร์ทแรกนั้นทางผู้สร้างได้หยิบเนื้อหาจากต้นฉบับตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงช่วงจบศึก Black Saint ส่วนในพาร์ทที่ 2 นั้นจะเป็นช่วงศึกการต่อสู้กับเหล่าบรรดา Silver Saint และ Black Saint (อีกครั้ง)

ดังนั้นด้วยความที่ตามต้นฉบับแล้ว เนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบศึก Silver Saint นั้นจะค่อนข้างยาวมาก และการที่จะมาย่อให้จบภายใน 12 ตอน (ความยาวของแต่ละตอนก็ประมาณไม่เกิน 25 นาที) นั่นจึงทำให้การนำเสนอในฉบับอนิเมะนี้ค่อนข้างที่จะรวดรัดมากเกินไป

และนั่นเองคือจุดเสียจุดหนึ่งที่เกิดขึ้น เพราะตัวซีรีส์จะเดินเรื่องเร็วและรวบรัดตัดตอนเอามากๆ จนไม่สามารถให้รายละเอียดของเหตุผล, แรงจูงใจและอารมณ์ร่วมต่างๆ ได้เลย

และที่สำคัญสำหรับเวอร์ชั่นนี้ มีการดัดแปลงหลายๆ ส่วนที่ทำให้ความแตกต่างจากในเวอร์ชั่นต้นฉบับมากมายเลย ทั้งในส่วนของเนื้อเรื่อง, รายละเอียดต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงคาแรคเตอร์ของตัวละครหลายๆ ตัว นอกจากนี้ยังมีการแทรกมุขตลกแนวการ์ตูนดิสนีย์เข้าไปด้วยอีกหลายช็อต

ซึ่งจากการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่างๆ ในหลายจุดนี้เองที่ทำให้ Saint Seiya ในเวอร์ชั่นนี้ดูเหมือนหนังที่เกี่ยวกับการต่อสู้ของเหล่าผู้มีพลังพิเศษกับมนุษย์ธรรมดาไปซะงั้น (ให้ความรู้สึกคล้ายกับตอนที่ดูหนังตระกูล X-Men เลย)

โดยในส่วนของรายละเอียดที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นต้นฉบับนั้น ขอยกไปให้รายละเอียดในช่วงท้ายบทความละกันนะฮะ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการสปอย

สรุป >> ให้ไป 2 เต็ม 10 ละกันฮะ คิดว่าแฟนเก่าๆ ของ Saint Seiya ที่ติดตามมาโดยตลอด น่าจะรู้สึกขัดอกขัดใจกันอยู่พอสมควร น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยดูหรืออ่านการ์ตูนเรื่อง Siant Seiya มาก่อนมากกว่านะฮะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสนุกกับเนื้อเรื่องที่มันดูห้วนๆ แบบนี้หรือเปล่านะ

อ้อ!!! เกือบลืมพูดถึงเพลงเปิด-ปิดเลย ในส่วนของเพลงเปิดนั้น เป็นการนำเพลง Pegasus Fantasy มาทำดนตรีและใส่เนื้อร้องใหม่เป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้ชื่อเพลงว่า Pegasus Seiya เล่นโดยวง The Struts ที่ฟังดูแล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่ค่อยมันส์เหมือนเวอร์ชั่นต้นฉบับแฮะ

ส่วนเพลงปิดคือเพลง Somebody New เพลงแนว Ballad Rock เล่นโดยวง The Struts เช่นกัน เพลงนี้คือเพราะเลย โดนมาก


ต่แไปก็มาว่ากันด้วยเรื่องรายละเอียดบางส่วนที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นต้นฉบับนะฮะ ก็พอจะสรุปคร่าวๆ ได้ประมาณนี้

– ไม่มีการพูดถึงกฎบังคับให้เซนต์ที่เป็นผู้หญิงต้องสวมใส่หน้ากากเสมอ และห้ามมิให้ผู้ใดเห็นใบหน้าที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้น

– กล่องที่ใช้เก็บชุดคลอธ แต่เดิมเป็นกล่องใบใหญ่ๆ เทอะทะ จะไปไหนทีก็ต้องเอาแบกขึ้นหลังไปด้วย ก็เปลี่ยนมาเป็นในรูปของป้ายห้อยคอ (เหมือนป้ายชื่อคล้องคอของทหาร) ซึ่งอันนี้คือดีนะ ดูเหมาะสมกว่าการแบกกล่องใบใหญ่ๆ เยอะเลย (การเปลี่ยนในส่วนนี้ ถูกเปลี่ยนมาตั้งแต่ในฉบับภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง Saint Seiya: Legend of Sanctuary ที่ออกฉายไปเมื่อปี 2014 แระ)

ศึกกาแลคเซี่ยนวอร์ส ถูกปรับสเกลลงมา จากการแข่งขันที่มีการประชาสัมพันธ์ไปทั่วประเทศและมีคนดูมากมาย กลายเป็นการต่อสู้ของเหล่าบรอนด์เซนต์ 10 คน ที่ อัลแมน คัดเลือกมาแล้ว ให้มาทำการต่อสู้กันเพื่อแย่งชิง โกลด์คอรธซาจิธาเรียส ภายในสถานที่ลับ

– เหล่าบรอนด์เซนต์ทั้ง 10 คนที่เข้าสู้ ศึกกาแลคเซี่ยนวอร์ส ไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าจากมูลนิธิคิโตะและไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

อัลโดเมด้า ชุน ถูกเปลี่ยนคาแรคเตอร์จาก ผู้ชาย เป็น ผู้หญิง ที่ดูฉลาดและพึ่งพาได้ แถมน่ารักอีกต่างหาก

– ฉากที่ เซียนน่า (คิโดะ ซาโอริ) หรือร่างจุติของ เทพีอาธีน่า แต่งตั้งให้ Pegasus Seiya (เปกาซัส เซย่า), Dragon Long (ดรากอน ชิริว), Cygnus Magnus (ซิกนัส เฮียวงะ) และ Andromeda Shaun (อัลโดเมดา ชุน) เป็นเซนต์แห่งอาธีน่าผู้ปกป้อง แซงค์ทัวรี่ ทำออกมาได้เหมือนกับตอนที่กษัตริย์ของประเทศอังกฤษแต่งตั้งตำแหน่งอัศวินให้กับนักรบเลย

– การสู้รบในเรื่อง จะไม่ใช่เป็นเพียงการต่อสู้ระหว่างเหล่าเซนต์เท่านั้น แต่ยังมีการต่อสู้ระหว่างเหล่าเซนต์กับกองกำลังทหารรับจ้างที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์มากมายอีกต่างหาก

– ที่มาและรูปลักษณ์ของ Black Saint ต่างออกไปจากเดิม

– ชุดคลอธของบรอนด์เซนต์ทุกคนไม่มีใครสวมเกราะส่วนหัวเลย

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version