Home NETFLIX My Name ซีรีส์เกาหลีใต้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังฮ่องกงยุค 90

[รีวิว] My Name ซีรีส์เกาหลีใต้ที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังฮ่องกงยุค 90 [Series]

[Review] My Name [2021]

My Name (마이 네임) ซีรีส์แนว Drama Action Crime Thriller สัญชาติเกาหลีใต้ ภายใต้การดูแลการผลิตของ Netflix Series

เขียนบทโดย Kim Ba-da
กำกับโดย Kim Jin-min

นำแสดงโดย
Han So-hee (จากภาพยนตร์เรื่อง Nevertheless) รับบทเป็น Yoon Ji-woo / Oh Hye-jin
Park Hee-soon (จากภาพยนตร์เรื่อง Seven DaysThe Scam และ 1987: When the Day Comes) รับบทเป็น Choi Mu-jin
Ahn Bo-hyun (จากซีรีส์เรื่อง Itaewon Class) รับบทเป็น Jeon Pil-do
Kim Sang-ho (จากซีรีส์เรื่อง Kingdom, Sweet Home และ Alice) รับบทเป็น Cha Gi-ho
Lee Hak-joo (จากซีรีส์เรื่อง Artificial City) รับบทเป็น Jung Tae-ju
Yoon Kyung-ho (จากซีรีส์เรื่อง Voice Season 1 และ The Crowned Clown) รับบทเป็น Yoon Dong-hoon

รับชมได้ทาง Netflix มีจำนวนทั้งหมด 1 ซีซั่น 8 ตอน

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ ยุนจีอู เด็กสาวชั้นมัธยมต้องทนทุกข์จากการถูกสังคมรังแก ถูกเพื่อนบูลลี่ และออกจากโรงเรียน แถมยังมีตำรวจคอยตามติดชนิดที่แทบจะเป็นเงาตามตัวเลยทีเดียว เนื่องจาก ยุนดงอุน พ่อของเธอถูกหมายจับในข้อหาคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติด

จนกระทั่งในวันเกิดครบรอบอายุ 17 ปีของเธอ เธอได้รับโทรศัพท์จาก ยุนดงอุน เธอจึงได้ระเบิดอารมณ์ความรู้สึกที่เธอแบกรับเอาไว้ออกไป และบอกว่าต่อไปจะไม่ขอพบกับเขาอีก

หลังวางสาย ยุนดงอุน จึงตัดสินใจที่จะแอบมาพบกับ ยุนจีอู ทันที เพื่อจะขอโทษและอวยพรวันเกิดเธอ แต่แล้วไม่ทันที่พวกเขาจะได้พบกัน ยุนดงอุน กลับถูกชายลึกลับฆ่าตายอยู่หน้าประตูห้องของ ยุนจีอู และในที่สุดเขาก็ได้ตายต่อหน้าต่อตาในวันเกิดครบรอบอายุ 17 ปีของเธอ

ด้วยความรู้สึกผิดและความคลั่งแค้นที่อยู่ในใจของเธอ เธอจึงพยายามที่จะตามหาตัวฆาตกรเพื่อตามล้างแค้นให้ได้ แม้ว่าเธอจะต้องเสี่ยงชีวิตแค่ไหนก็ตาม จนกระทั่งเธอได้พบกับ ชเวมูจิน หัวหน้าแก๊งดงชอน แก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ ที่เป็นเหมือนเพื่อนรักชนิดที่ตายแทนกันได้ของ ยุนดงอู

ชเวมูจิน จึงตัดสินใจพาเธอไปฝึกฝนตัวที่โรงฝีกของแก๊งดงชอน และในที่สุดก็รับเธอเข้าเป็น 1 ในสมาชิกของแก๊ง ซึ่งเธอเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในโรงฝึกแห่งนั้น

หลายปีผ่านปี เธอได้รับเบาะแสว่าฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอน่าจะเป็นตำรวจ เธอจึงฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อสมัครเข้าไปเป็นตำรวจ

และในที่สุดเธอก็สามารถที่จะสอบเข้าไปเป็นตำรวจจนได้ โดยเธอได้เปลี่ยนชื่อเป็น โอฮเยจิน เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ และเริ่มเดินหน้าสืบสวนตามหาตัวคนที่ลงมือฆ่าพ่อของเธอทันที

ความรู้สึกหลังดูจบ
เอาตรงๆ นะฮะ ถ้าถามว่าสนุกมั้ย ก็สนุกแหละฮะ แต่ตลอดเวลาที่ดู ให้ความรู้สึกเหมือนกับดูซีรีส์หรือหนังฮ่องกงแนวตำรวจกับแก๊งมาเฟียช่วงยุค 90 ยังไงยังงั้นเลย ทั้งการตามล่าล้างแค้น การแฝงตัวทำภารกิจ รวมถึงการออกแบบคิวบู๊ตลอดทั้งซีซั่น ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการซัดกันด้วยหมัด ด้วยมีดกันซะเป็นส่วนใหญ่

ซีรีส์เรื่องนี้ติดเรท 18+ แน่นอนฮะ มีภาพความรุนแรงตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งทำออกมาได้ดีสมจริงมากฮะ ฉากบู๊โคตรเดือดเลย โดยเฉพาะฉากที่โรงฝึกของแก๊งดงชอนถูกบุกเนี้ย แต่พลอตโดยรวมไม่มีอะไรแปลกใหม่ฮะ เดาทางได้ง่าย

และโดยส่วนตัว ก็ไม่ได้ติดที่ความเก่งสุดติ่งของตัวละคร “ยุนจีอู” นะฮะ อันนี้เข้าใจได้ว่าฝึกฝนมาอย่างหนัก บวกกับทักษะการต่อสู้ที่ดี จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่จะสามารถต่อสู้เอาชนะผู้ชายตัวใหญ่ๆ หลายๆ คนได้ แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกติดในใจว่า “เวอร์” เกินไปหน่อยก็คือ ”ความอึด” ของเธอ ที่โดนอัดขนาดไหนก็ยังไม่ล้ม แถมยังกลับมาฮึดเอาชนะได้อีก อันนี้เลยรู้สึกว่า “เกินไป” หน่อย เพราะถ้าเป็นเรื่องความเก่ง โอเคเราฝึกกันได้ แต่เรื่องความอึดนี่สิ ยังไงก็ไม่น่าจะฝึกมาแล้วจะอึดได้ขนาดนี้นะ (นึกว่าดู จอห์น แรมโบ้ ผสม จอห์น แมคเคลน อยู่นะเนี้ย)

สรุป >> ให้ไป 7.5 เต็ม 10 นะฮะ กับพลอดเรื่องที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เดาทางง่าย แต่มีการออกแบบคิวบู๊ที่ดูดิบ และโหดเลือดสาดดี ใครที่คิดถึงหนังฮ่องกงยุค 90 สไตล์ตำรวจกับแก๊งมาเฟีย คุณน่าจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยากฮะ

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version