Home NETFLIX Parasyte: The Grey มังงะดังของญี่ปุ่นที่ถูกหยิบมาเล่าใหม่ในแบบซีรีส์เกาหลี

[รีวิว] Parasyte: The Grey มังงะดังของญี่ปุ่นที่ถูกหยิบมาเล่าใหม่ในแบบซีรีส์เกาหลี [Series]

[Review] Parasyte: The Grey (ปรสิต: เดอะ เกรย์) [2024]

Parasyte: The Grey (기생수: 더 그레이, ปรสิต: เดอะ เกรย์) ซีรีส์เกาหลีใต้แนว Action Drama Horror Sci-Fi Fantasy ที่ดัดแปลงมาจากมังงะดังของญี่ปุ่นเรื่อง Kiseijuu (Parasyte, ปรสิต เดรัจฉาน) ซึ่งเป็นผลงานของอาจารย์ Hitoshi Iwaaki

ซึ่งถือว่าเป็นโปรเจคภาคแยก (หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจนะฮะ เดี๋ยวไปว่ากันในช่วงท้าย) จากเวอร์ชั่นต้นฉบับโปรเจคแรกที่ทำเป็นฉบับ Live Action (คนแสดง) โดยก่อนหน้านี้ก็จะมีภาคแยกที่ทำออกมาจะเป็นในรูปแบบของมังงะนะฮะ ในชื่อเรื่อง Parasyte Reversi (ขอไม่นับ Parasyte: Maxim ที่เป็นอนิเมะ และ Live Action ฉบับภาพยนตร์ 2 ภาค นะฮะ เพราะทั้ง 2 โปรเจคนั้นเป็นงานรีเมคไม่ใช่ภาคแยก รวมถึงมังงะเรื่อง Neo Parasyte m และ Neo Parasyte f ที่น่าจะเรียกว่าเป็นงานทริบิวต์ซะมากกว่านะฮะ เพราะมังงะทั้ง 2 หัวนี้จะเป็นงานเรื่องสั้นที่รวมนักเขียนหลายๆ ท่านในเครือ Kodansha มาเขียนเรื่องราวใหม่โดยนำเรื่องราวของ Parasyte มาเล่าในแบบของตัวเอง)

เขียนบทโดย Yeon Sang-ho และ Ryu Yong-jae
กำกับโดย Yeon Sang-ho (จากภาพยนตร์เรื่อง Peninsula)

นำแสดงโดย
Jeon So-nee (จากซีรีส์เรื่อง Our Blooming Youth) รับบทเป็น Jeong Su-in
Koo Kyo-hwan (จากภาพยนตร์เรื่อง Peninsula และซีรีส์เรื่อง Monstrous) รับบทโดย Seol Kang-woo
Lee Jung-hyun (จากภาพยนตร์เรื่อง Peninsula) รับบทเป็น Choi Jun-kyung
Kwon Hae-hyo (จากภาพยนตร์เรื่อง Peninsula และซีรีส์เรื่อง Under The Queen’s Umbrella) รับบทเป็น Kim Chul-min
Kim In-kwon (จากซีรีส์เรื่อง Mr. Queen) รับบทเป็น Kang Won-seok
Yoon Hyun-gil (จากซีรีส์เรื่อง The Good Detective 2) รับบทเป็น Seol Kyung-hee
Lee Hyun-kyun (จากซีรีส์เรื่อง Hellbound และ ภาพยนตร์เรื่อง Jung_E) รับบทเป็น Kwon Hyuk-ju
Oh Chi-woon (จากซีรีส์เรื่อง Memorist) รับบทเป็น Flying Parasyte

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มปรสิตจากต่างดาวที่เข้ามายังโลกและต้องเข้ายึดครองร่างกายของสิ่งมีชีวิตบนโลกโดยการ“กิน” และยึดส่วนหัวของสิ่งมีชีวิตนั้นเพื่อการดำรงชีวิตของตัวเองต่อไป

แต่มีปรสิตตัวหนึ่งที่เข้าสู่ร่างของ จองซูอิน พนักงานสาวของซูเปอร์มาร์เกตแห่งหนึ่งในขณะที่เธอกำลังจะเสียชีวิตจากการถูกลอบทำร้ายร่างกาย จึงทำให้ปรสิตตัวนั้นต้องแบ่งเซลตัวเองไปรักษาบาดแผลของ ซูอิน เพื่อให้ตัวมันเองสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปในร่างของ ซูอิน ได้ นั่นจึงทำให้มันไม่สามารถยึดสมองและร่างของ ซูอิน ได้อย่างสมบูรณ์

ในขณะที่ปรสิตตัวอื่นที่ยึดร่างโฮสได้อย่างสมบูรณ์ก็กำลังจัดตั้งองค์กรที่เป็นศูนย์รวมของเหล่าปรสิตด้วยกันเพื่อจุดประสงค์ในการออกล่ามนุษย์มาเป็นอาหารอย่างเงียบๆ

ทางด้านหนึ่งฝ่ายรัฐบาลเกาหลีที่รู้ถึงการมีอยู่ของปรสิตอันตรายเหล่านี้ก็ได้ก่อตั้ง หน่วยเกรย์ ขึ้นมาเพื่อรับมือและหากำจัดปรสิตเหล่านี้อย่างลับๆ และคอยปิดข่าวไม่ให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ถึงการมีอยู่ของภัยอันตรายนี้

สงครามระหว่าง มนุษย์ และ ปรสิต จึงได้เริ่มต้นขึ้น

ความรู้สึกหลังดูจบ
แค่เปิดเรื่องมา 5 นาทีแรกก็รู้สึกถึงคอนเซปต์ของเรื่องที่ดูเปลี่ยนไปพอสมควร และหลังจากจบ EP.1 ก็ยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นการดัดแปลงที่เปลี่ยนไปจากต้นฉบับค่อนข้างมาก คงเหลือไว้แต่เพียงพลอตหลักๆ ที่ว่าด้วยเรื่องของปรสิตเข้ายึดร่างของมนุษย์เพื่อเป็นโฮส แต่แก่นสาระหลักๆ รวมถึงปรัชญาแฝงต่างๆ ที่เวอร์ชั่นต้นฉบับต้องการสื่อสารกับคนอ่าน (คนดู) อย่างเช่น เรื่องของของคุณค่าของชีวิตและการค้นหาความหมายของชีวิต กลับถูกตัดหายไปจากเรื่องทั้งหมดเลย

และจะว่าไปแล้วสำหรับซีรีส์ชุดนี้ ก็ไม่ใช่การรีเมคด้วยนะฮะ แต่จะบอกว่าเป็นภาคแยกจากเวอร์ชั่นต้นฉบับก็ยังพูดได้ไม่เต็มปากฮะ (ซึ่งในส่วนนี้ขอเอาไว้พูดในช่วงท้ายของบทความนะฮะ) ส่วนโครงเรื่องโดยรวมเหมือนจะหยิบเอาโครงสร้างจากพาร์ท 2 ของเวอร์ชั่นต้นฉบับมาดัดแปลงและตีความใหม่

ภาพรวมของซีรีส์เน้นไปที่ฉากแอ็คชั่นเอามันส์ซะมากกว่า ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยฮะว่า ซีรีส์เกาหลีเค้ามาทางแอ็คชั่นได้ดีจริงๆ ดูตื่นเต้นและสนุกดี แต่มันก็ไม่ได้มากพอให้เป็นที่น่าจดจำหรือประทับใจอะไรมากนัก ตัวละครค่อนข้างแบนราบทั้งๆ ที่ตัวละครหลักทั้ง 2 ตัวมีปมปัญหาชีวิตที่สามารถนำมาเล่นอะไรได้เยอะเลย แต่กลับไม่หยิบนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้เลย

[ข้อมูลสปอย]
สำหรับใครที่ได้ดูจนจบซีซั่นแล้ว ก็จะทราบว่าในซีนสุดท้ายของซีรีส์ชุดนี้จะมีการปรากฎตัวของ “อิซึมิ ชินอิจิ” (รับบทโดย Masaki Suda) ซึ่งเป็นตัวละครหลักของภาคต้นฉบับ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าซีรีส์ชุดนี้พยายามที่จะสื่อให้เห็นว่ามีความเชื่อมต่อกับเวอร์ชั่นต้นฉบับอยู่ เพียงแต่ว่าด้วยการปรากฎตัวของตัวละคร “อิซึมิ ชินอิจิ” ในช่วงท้ายนี้ยังดูคลุมเครืออยู่หลายจุด เช่น ในเรื่องของวัยของตัวละครที่ปรากฎในซีรีส์นั้นจะมีอายุที่อยู่ในช่วงของคนวัยทำงานแล้ว ซึ่งจะต่างจากตอนจบของเวอร์ชั่นต้นฉบับที่ยังคงเป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายอยู่ เป็นต้น ซึ่งก็ยังไม่มีการเฉลยหรือมีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนออกมา จึงทำให้ ณ ขณะนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าตัวละคร “อิซึมิ ชินอิจิ” ที่ปรากฎตัวในช่วงท้ายนั้นเป็นคนเดียวกับในเวอร์ชั่นต้นฉบับหรือไม่ โดยตอนนี้มีทฤษฎีที่พูดถึงเรื่องนี้อยู่ 3 ทฤษฎีหลักๆ ด้วยกัน คือ

  1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีรีส์ชุดนี้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ถือเป็นภาคแยกที่เล่าเรื่องต่อหลังจากเหตุการณ์ในเวอร์ชั่นต้นฉบับจบไปแล้วหลายปี
  2. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีรีส์ชุดนี้ ถือเป็นภาคแยกที่เกิดขึ้นพร้อมกับเหตุการณ์ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ แต่ในซีนจบของเรื่องที่มีการปรากฎตัวของตัวละคร “อิซึมิ ชินอิจิ” นั้นเป็นเหตุการณ์ที่มีการ Time Skip ไปอีกหลายปีข้างหน้า
  3. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซีรีส์ชุดนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเวอร์ชั่นต้นฉบับเลย ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอีกจักรวาลหนึ่ง

ซึ่งคงต้องรอดูเฉลยในซีซั่น 2 กันนะฮะว่าจริงๆ แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ (ถ้ามีโอกาสได้ไปต่อนะฮะ)

สรุป >> ให้ไป 6 เต็ม 10 นะฮะ ในฐานะแฟนของมังงะเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวังไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นแย่นะฮะ สำหรับใครที่ไม่เคยตามมังงะหรือฉบับภาพยนตร์คนแสดงของญี่ปุ่นมาก่อน น่าจะสนุกได้อย่างเต็มที่มากกว่านะฮะ

Exit mobile version