[Review] Stranger Things [2016-Present]
Stranger Things ทีวีซีรีส์แนว Science Fiction-Horror ที่ออกอากาศทางช่อง Netflix ที่กำลังดังระเบิดระเบ้ออยู่ในขณะนี้ เขียนบทและกำกับโดย The Duffer Brothers
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ซีรีส์ชุดนี้มีฉากหลังอยู่ในช่วงยุค 80 ณ เมือง Hawkins รัฐ Indiana โดยเริ่มต้นจากความผิดพลาดในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ของหน่วยงานลับของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเหตุให้ Will Byers (รับบทโดย Noah Schnapp) หายตัวไปอย่างลึกลับ
Joyce Byers (รับบทโดย Winona Ryder) ผู้เป็นแม่ของ วิล จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาตัว วิล ให้พบ โดยได้รับการช่วยเหลือจาก Jim Hopper (รับบทโดย David Harbour) หัวหน้าตำรวจประจำเมืองฮอว์กินส์
ในขณะเดียวกันกับที่ Mike Wheeler (รับบทโดย Finn Wolfhard), Lucas Sunclair (รับบทโดย Caleb McLaughlin) และ Dustin Henderson (รับบทโดย Gaten Matarazzo) เพื่อนสนิทของ วิล ที่บังเอิญได้พบกับ Eleven / El (รับบทโดย Millie Bobby Brown) เด็กหญิงผู้มีพลังพิเศษที่ดูเหมือนจะมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของ วิล พวกเขาจึงพยายามออกตามหา วิล ด้วยวิธีของพวกเขา
และในเวลาเดียวกันนั้น Jonathan Byers (รับบทโดย Charlie Heaton) พี่ชายของ วิล และ Nancy Wheeler (รับบทโดย Natalia Dyer) พี่สาวของ ไมค์ ก็พยายามสืบหาปริศนาการหายตัวไปอย่างลึกลับของ Barbara Holland (รับบทโดย Shannon Purser) เพื่อนสนิทของ แนนซี่ ที่ดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของ วิล เช่นกัน
เรื่องราวคร่าวๆ ในช่วง Season 1 ก็จะประมาณนี้ เชิญติดตามค้นหาปริศนาต่างๆ ไปด้วยกันได้เลยฮะ
ความคิดเห็นหลังจากได้ดู
ซีรีส์ชุดนี้ แม้จะมีตัวละครเด็กๆ เป็นตัวนำ แต่จริงๆ แล้ว นี่ไม่ใช่ซีรีส์สำหรับเด็กเลย เพราะตลอดทั้งเรื่องเราจะได้พบกับบรรยากาศที่ชวนให้กดดัน, ภาพสยดสยอง และเนื้อหาที่ค่อนข้างจะซีเรียสมากๆ
และด้วยวิธีการนำเสนอและถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ ในแบบฉบับของภาพยนตร์สยองขวัญยุค 80 จึงทำให้การดำเนินเรื่องในช่วงต้นไปแบบเนิบๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 ตอนแรกที่เป็นการปูพื้นตัวละคร ดังนั้นหากใครที่ไม่ค่อยชอบดูหนังแนวสยองขวัญยุค 80 อาจจะมีเบื่อกันบ้างล่ะ
แต่ถ้าใครสามารถดูผ่าน 3 ตอนแรกของ Season 1 ไปได้ คุณจะได้พบกับความบันเทิง ที่ซีรีส์ชุดนี้ต้องการนำเสนอได้เลย เพราะในทุกๆ ตอน จะมีการหยอดเรื่องราวปริศนาและความระทึกขวัญต่างๆ เอาไว้เรื่อยๆ จึงทำให้เรื่องราวค่อยๆ เข้มข้นขึ้น จนคุณไม่สามารถที่จะหยุดดูกลางคันได้เลย
ในส่วนของการแสดงนั้น ต้องยกนิ้วให้กับ Winona Ryder ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของคุณแม่ที่สติแตกจากการหายตัวไปของลูกชาย ได้อย่างถึงอารมณ์สุดๆ จนคนดูหลายๆ คน อาจจะไม่ชอบในการ “เล่นใหญ่” ของเธอ แต่ถ้าหากมองตัวละครตัวนี้ให้ลึกลงไปแล้ว จะเห็นว่า จริงๆ แล้วตัว จอยส์ บายเออร์ เอง ก็มีปัญหาในเรื่องของสภาวะทางอารมณ์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้น การถ่ายทอดตัวละครออกมาแบบนี้ของ วิโนน่า ไรเดอร์ ถือว่าผ่านเลยนะ
และสำหรับนักแสดงคนอื่นๆ ก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของแต่ละคนได้อย่างถึงอารมณ์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ซีรีส์ชุดนี้ดูสนุกขึ้น
และที่สำคัญที่ต้องขอชมเลย ก็คือการถ่ายทอดบรรยากาศของยุค 80 ที่เก็บมาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งบรรยากาศโดยรวม, สภาพแวดล้อม, แฟชั่นการแต่งกายและกิจกรรมของวัยรุ่นในยุคนั้น
รวมถึง Easter Eggs ต่างๆ ที่เป็น Culture ของยุคนั้น ก็ถูกหยิบมาใส่อยู่เต็มไปหมด ซึ่งก็ยิ่งทำให้คนที่เกิดในยุคนั้นหรือผ่านยุคนั้นมา ได้หวนรำลึกถึงความหลังกันได้มั่งล่ะ แต่กับคนดูยุคใหม่อาจจะยังไม่ อิน มันเท่าไหร่นัก
และสำหรับซีนที่ประทับใจที่สุดยังคงติดตาตรึงใจอยู่หลังจากดูจบซีซั่น 4 ก็คือซีนที่ Eddie Munson ซึ่งรับบทโดย Joseph Quinn (1 ในตัวละครที่เพิ่งปรากฎตัวในซีซั่น 4) ได้ปีนหลังคารถบ้านขึ้นไปบรรเลงกีตาร์เพลง Master of Puppets ของวง Metallica เพื่อล่อเจ้าค้างคาวปีศาจแห่งโลกกลับด้าน (Alternate Dimension) โคตรร็อคเลยฮะ คลิกดูซีนนี้ได้ที่วิดีโอด้านล่างนะฮะ
สรุป >> ให้ไปเลยฮะ 8 เต็ม 10 เป็นซีรีส์ที่มับทและพลอตเรื่องที่ดีและแข็งแรงมาก ดูได้สนุกมาก ของเค้าดีจริงๆ แถมในแต่ละซีซั่นยังทวีความมันส์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก จะมีแค่บางช่วงบางจังหวะที่แอบมีเดินเรื่องเนือยๆ อยู่บ้าง
ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ