Home Series The Boys (ก๊วนหนุ่มซ่าส์ ล่าซูเปอร์ฮีโร่ส์) ที่แหวกขนบหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างที่เคยเป็นมา

[รีวิว] The Boys (ก๊วนหนุ่มซ่าส์ ล่าซูเปอร์ฮีโร่ส์) ที่แหวกขนบหนังซูเปอร์ฮีโร่อย่างที่เคยเป็นมา [Series]

[Review] The Boys (ก๊วนหนุ่มซ่าส์ ล่าซูเปอร์ฮีโร่ส์) [2019 – Present]

The Boys (ก๊วนหนุ่มซ่าส์ ล่าซูเปอร์ฮีโร่ส์) ทีวีซีรีส์แนว Superhero Drama Action ที่ดัดแปลงมาจาก Comics ชื่อเรื่องเดียวกันของ Garth Ennis และ Darick Robertson

ดูแลงานสร้างโดย Eric Kripke (ที่เคยฝากผลงานจากซีรีส์ Supernatural) ร่วมกับ Evan Goldberg และ Seth Rogen (2 คู่หูที่เคยสร้างงานซีรีส์เรื่อง The Preacher มาก่อน)

นำแสดงโดย
Karl Urban (จากภาพยนตร์เรื่อง Star Trek (Trilogy: 2009 – 2016) และ Thor: Ragnarok) รับบทเป็น Billy Butcher
Jack Quaid (จากภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games, The Hunger Games: Catching Fire และ Rampage) รับบทเป็น Hughie Campbell
Antony Starr (จากซีรีส์เรื่อง Tricky Business และ American Gothic) รับบทเป็น John Gillman / Homelander
Dominique McElligott (จากซีรีส์เรื่อง Hell on Wheels และ The Last Tycoon) รับบทเป็น Margaret Shaw / Queen Maeve
Jessie T. Usher (จากภาพยนตร์เรื่อง Independence Day: Resurgence) รับบทเป็น Reggie Franklin / A-Train
Chace Crawford (จากซีรีส์เรื่อง Gossip Girl) รับบทเป็น Kevin Moskowitz / the Deep
Nathan Mitchell (จากภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง Psych: The Movie) รับบทเป็น Earving / Black Noir
Alex Hassell (จากภาพยนตร์เรื่อง Cold Mountain) รับบทเป็น Translucent
Erin Moriarty (จากซีรีส์เรื่อง Red Widow และ Jessica Jones) รับบทเป็น Annie January / Starlight
Laz Alonso (จากภาพยนตร์เรื่อง Fast & Furious แและซีรีส์เรื่อง L.A.’s Finest) รับบทเป็น Marvin T. Mother’s Milk / M.M.
Tomer Capone (จากซีรีส์เรื่อง Fauda และ When Heroes Fly) รับบทเป็น Serge / Frenchie
Karen Fukuhara (จากภาพยนตร์เรื่อง Suicide Squad) รับบทเป็น Kimiko Miyashiro / the Female
Elisabeth Shue (จากภาพยนตร์เรื่อง The Karate Kid, Back to the Future II และ Back to the Future III) รับบทเป็น Madelyn Stillwell
Colby Minifie (จากซีรีส์เรื่อง Jessica Jones) รับบทเป็น Ashley Barrett
Jensen Ackles (จากซีรีส์เรื่อง Smallville และ Supernatural) รับบทเป็น Ben / Soldier Boy

ออกอากาศทาง Prime Video ของ Amazon (ปัจจุบันออกอากาศถึง Season 3 แล้วนะฮะ)

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
The Boys กล่าวถึงโลกที่ Superheroes คือสินค้าและบริการอย่างหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีบริษัท Vought ที่มี เมดิลีน สตีลเวล เป็นผู้บริหาร คอยดูแลและจัดส่งซูเปอร์ฮีโร่ที่เหมาะสมไปให้แก่เมืองต่างๆ ที่อยากจะได้ซูเปอร์ฮีโร่ไปประจำการที่เมืองนั้นๆ รวมถึงการคัดสรรซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ๆ มาเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับบริษัท

บริษัท วอท มีการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ตัวซูเปอร์ฮีโร่ผ่านช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้าโฆษณา, นักแสดงภาพยนตร์, จัดงาน Event และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ที่สามารถทำให้ซูเปอร์ฮีโร่เหล่านั้นเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว โดยมีเป้าหมายในการสร้างรายได้ให้กับบริษัท

สำหรับซูเปอร์ฮีโร่ตัวหลักที่ถือเป็นซูเปอร์ฮีโร่ชั้นนำจะประจำการที่สำนักงานใหญ่ ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า The Seven โดยในปัจจุบันสมาชิกทีมประกอบไปด้วย

  • The Homelander – ผู้นำของกลุ่ม The Seven ที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้นำ สุภาพ อ่อนโยน ใจดี และมีพลังมากที่สุดในกลุ่ม ทั้งบินได้ แข็งแกร่ง มีพละกำลังมหาศาล และมีดวงตา X-Ray ที่สามารถมองผ่านวัตถุได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้นเพียงแค่สังกะสีเท่านั้น รวมถึงความสามารถในการยิงเลเซอร์ออกจากตาได้
  • Queen Maeve –ซูเปอร์ฮีโร่สาวสวยที่มักจะยืนอยู่เคียงข้าง โฮมแลนเดอร์ เสมอ เธอมีความแข็งแกร่ง และมีพละกำลังมหาศาล
  • Translucent – มนุษย์ล่องหนผู้มีผิวหนังเป็นคาร์บอนที่แข็งแกร่งเหมือนเพชร อาวุธใดๆ ก็ไม่สามารถร้ายร่างกายภายนอกเขาได้
  • A-Train – ซูเปอร์ฮีโร่ผิวสี เจ้าแห่งความเร็ว ที่นอกจากจะมีพละกำลังแล้ว ยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วมากๆ
  • The Deep – ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มีพละกำลัง หายใจในน้ำได้และสามารถสื่อสารกับสัตว์น้ำทุกชนิดได้
  • Black Noir – ซูเปอร์ฮีโร่ผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธที่เป็นของมีคม และตลอดทั้งเรื่องจะไม่มีบทพูดเลย
  • Annie January / Starlight – ซูเปอร์ฮีโร่หญิงน้องใหม่ ที่เพิ่งผ่าน Audition ให้เข้าร่วมกลุ่ม แทนซูเปอร์ฮีโร่คนก่อนที่เกษียรออกไป เธอมีความสามารถในการควบคุมแสงไฟ สามารถปล่อยพลังแสงเป็นคลื่นกระแทกได้ และเปล่งแสงสว่างระดับทำให้ตาบอดได้ด้วย

วันหนึ่ง เอ-เทรน ที่กำลังวิ่งด้วยความสูง ซึ่งไม่รู้ว่าวิ่งมาจากไหนหรือกำลังจะวิ่งไปที่ใด ได้บังเอิญวิ่งชนเข้ากับแฟนสาวของ ฮิวอี้ จนร่างกายแหลกสลายเหลือเพียงแค่แขน 2 ข้าง ที่ยังกุมมือของ ฮิวอี้ อยู่ แต่ด้วยความที่ เอ-เทรน กำลังเป็นซูเปอร์ที่มีชื่อเสียงและทำเงินให้กับบริษัท ทางบริษัท วอท จึงได้จัดงานแถลงข่าวโดยให้ เอ-เทรน กล่าวคำขอโทษออกสื่อ แต่ปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ โดยอ้างว่า โรบิน ยืนอยู่บนถนนเอง จึงทำให้โดนชนเข้าอย่างจังโดยที่ เอ-เทรน ไม่ได้ตั้งใจ เสมือนกับเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุธรรมดา และทางบริษัท วอท ได้เสนอเงินให้กับ ฮิวอี้ เพื่อแลกกับการปิดปากเงียบไม่พูดถึงเหตุการณ์นี้อีกต่อไป ทำให้ ฮิวอี้ รู้สึกถึงความไม่ชอบธรรมในเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงทำให้เขาโกรธแค้นและไม่พอใจอย่างมาก

และนั้นเองที่ทำให้ บิลลี่ บุชเชอร์ ผู้ที่มีความแค้นส่วนตัวกับ โฮมแลนเดอร์ ได้เข้ามาเสนอตัวช่วยเหลือและชักชวน ฮิวอี้ ให้รวมมือกับเขา ในการหาทางแก้แค้นเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหมด

หลังจากนั้น บิลลี่ ก็ได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมงานเก่าๆ เพื่อชักชวนกันมารวมกลุ่มวางแผนและหาทางกำจัดซูเปอร์ฮีโร่เหล่านี้ ซึ่งก็ได้ เอ็ม.เอ็ม. และ เฟรนช์ชี่ มาร่วมก๊วนในนามกลุ่ม The Boys และในภายหลังก็ได้ คิมิโกะ สาวน้อยเชื้อสายญี่ปุ่นที่มีพลังการโจมตีที่รุนแรงและฮีลลิ่งแฟคเตอร์ในการรักษาตัวเองมาร่วมทีมด้วยอีก 1 คน

ความคิดเห็นหลังจากได้ดู
จะเป็นอย่างไร ถ้าเหล่าซูเปอร์ฮีโร่ ไม่ใช่คนดีอย่างที่เราเห็น” คือนิยามของซีรีส์เรื่องนี้ที่แหวกขนบของเหล่าซูเปอร์ฮีโร่กันเลยทีเดียว โดยการชี้ไปให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ปรกติที่อยู่ภายในจิตใจของเหล่าผู้มีพลังพิเศษแต่ละคนที่ภาพลักษณ์ภายนอกถูกสร้างให้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ผู้ผดุงสันติสุขของโลกและคอยปกป้องประชาชน แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเหล่านั้นก็มีนิสัยและสันดานแย่ๆ ไม่ต่างไปจากคนธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะกิเลส ตัณหา การโหยหาชื่อเสียงเงินทองและอำนาจต่างๆ

ในอีกแง่หนึ่ง นี่คือคือการตีแผ่วงการธุรกิจที่มี ไอดอล เป็นสินค้าหลักของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี การสร้างปูมหลังที่น่าสนใจให้กับเหล่า ไอดอล ต่างๆ เพื่อสร้างความนิยมให้เกิดขึ้นกับเหล่าบรรดาแฟนคลับทั้งหลาย ซึ่งสุดท้ายก็จะกลายเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้อันมหาศาลให้กับบริษัทได้

ถ้ามองในแง่ความบันเทิง ขอพูดจากมุมของคนที่ไม่เคยอ่านฉบับการ์ตูนมาก่อนเลยนะฮะ มันค่อนข้างที่จะก้ำกึ่งระหว่าง สนุกมาก กับ น่าเบื่อ เพราะบทพูดเยอะ (มีคำหยาบทั้งเรื่อง) ส่วนพวกฉากแอ็คชันหรือฉากโหดๆ ก็น้อยกว่าที่คิดนะฮะ (แต่ที่มีอยู่ก็โหดจริง ทั้งเลือดทั้งเศษชิ้นเนื้อ มีให้เห็นจะๆ) และสำหรับใครที่รอชมฉากเซ็กซ์เตรียมผิดหวังได้เลยฮะ คือการกระทำของตัวละครหลายๆ ตัวมันหมกมุ่นกับเรื่องเซ็กซ์นะฮะ เพียงแต่ในเรื่องไม่ได้มีภาพการร่วมเพศอะไรมากนัก

ซึ่งถ้าใครที่เห็นตัวอย่างมาก่อน แล้วคาดหวังว่าจะได้ดูฉากแอ็คชันบ้าพลัง หรือฉากโหดๆ เลือดสาด หรือฉากเซ็กซ์โจ๋งครึ่มอะไรประมาณนี้แล้วละก็ คุณผิดหวังแน่นอน เพราะฉากเหล่านี้มีน้อยมาก คือที่มีอยู่ก็แทบจะอยู่ในตัวอย่างทั้งหมดแล้วล่ะ

ดังนั้น สิ่งที่แบกตัวซีรีส์ไว้ได้ตลอดทั้งซีซั่น จึงอยู่ที่เนื้อหาของเรื่องที่นำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจและน่าติดตามพอสมควรเลยล่ะฮะ

และในแง่ของการออกแบบตัวละครซูเปอร์ฮีโร่นั้น  คิดว่าไอเดียในการออกแบบน่าจะนำมาจากซูเปอร์ฮีโร่ตัวดังๆ ของค่ายอื่นๆ นะ เพราะหลายๆ ตัวพอเห็นปุ๊บก็จะนึกถึงเลยว่าเหมือนตัวไหน เช่น

  • The Homelander –โดยรวมๆ ทั้งความสามารถพิเศษและบุคลิกภายนอก น่าจะถอดแบบมาจาก Superman นะฮะ
  • Queen Maeve – แค่เห็นคอสตูมก็รู้แล้วว่าน่าจะถอดแบบมาจาก Wonder Woman อย่างแน่นอน
  • Translucent – จากความสามารถพิเศษของเขา จึงคิดได้ว่าน่าจะมีที่มาจาก Susan Storm / Invisible Woman ตัวละครจาก Fantastic 4 และ Luke Cage
  • A-Train – ด้วยความที่เขามักจะเรียกตัวเองว่า เป็นคนที่เร็วที่สุดในโลก เลยทำให้นึกถึง The Flash ขึ้นมาเลยทีเดียว เพียงแต่ว่า เวลาที่ เอ-เทรนเคลื่อนไหวด้วยความเร็ว จะไม่มีสายฟ้าเหมือน เดอะ แฟลช ดังนั้นถ้าดูจากลักษณะการเคลื่อนไหวและคอสตูมแล้ว คิดว่าน่าจะถอดแบบมาจาก Quick Silver มากกว่านะ
  • The Deep – เห็นความสามารถและคอสตูมแล้ว นี่มัน Aquaman ชัดๆ เลย
  • Black Noir –จากคาแรคเตอร์และคอสตูม นี่น่าจะถอดแบบมาจากตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ที่ชื่อ Snake Eye จากเรื่อง GI-Joe แน่ๆ หรือจะมองว่ามีต้นแบบมาจาก Batman ก็น่าจะได้อยู่นะฮะ

สรุป >> ให้ไปเลย 9 เต็ม 10 นะฮะ เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่มีความน่าสนใจมาก หากคุณต้องการหลีกหนีจากหนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ตลาดทั่วๆ ไป

ฝากรีวิวเรื่องอื่นๆ ด้วยนะฮะ คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย

Exit mobile version