Home NETFLIX The Stranded (เคว้ง) ซีรีส์ไทยเรื่องแรกของ Netflix Original

[รีวิว] The Stranded (เคว้ง) ซีรีส์ไทยเรื่องแรกของ Netflix Original [Series]

[Review] The Stranded (เคว้ง) [2019]

The Stranded (เคว้ง) ซีรีส์ไทยเรื่องแรกที่เป็นของ Netflix Original Series แนว Survival Thriller Mystery Fantasy ภายใต้การการผลิตของ Bravo! Studio ในเครือของ GMM Studios International และ H2L Media Group

เขียนบทโดย Steven Sims, โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ และ แขนิภา ภนากรณ์
กำกับโดย โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
อำนวยการสร้างโดย เอกชัย เอื้อครองธรรม, Gary Levinsohn, Christian Durso, Steven Sims และ Billy Hines

นำแสดงโดย
บีมปภังกร ฤกษ์เฉลิมพจน์ รับบทเป็น คราม
มาร์ชจุฑาวุฒิ ภัทรกำพล รับบทเป็น อนันต์
แพทชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช รับบทเป็น เมย์
นิ้งชัญญา แม็คคลอรี่ย์ รับบทเป็น น้ำ
ชาลีดา กิลเบิร์ต รับบทเป็น อริสา
แจ็คกิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา รับบทเป็น ไอซ์
ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ รับบทเป็น หญิง
เพิร์ธธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร รับบทเป็น กฤษ
มาร์คศิวัช จำลองกุล รับบทเป็น แจ็ค
แพมเปมิกา สุขสวี รับบทเป็น แจน
วินภวินท์ กุลการัณยวิชญ์ รับบทเป็น นัท
แทนไทธัชพล ธิติอภิชัย รับบทเป็น กันต์
แพรวาณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์ รับบทเป็น มิ้น
โอบโอบนิธิ วิวรรธนวรางค์ รับบทเป็น โจอี้
นกสินจัย เปล่งพานิช รับบทเป็น ครูหลิน
เมฆหัฒศนัย (วินัย) ไกรบุตร รับบทเป็น พ่อบุญธรรมของคราม
ฮีนศศิธร พานิชนก รับบทเป็น แม่ของคราม
ตั้วศรัณยู วงษ์กระจ่าง รับบทเป็น พ่อของอนันต์
เปิ้ลหัทยา วงษ์กระจ่าง รับบทเป็น แม่ของอนันต์
ปูสหจักร บุญธนกิจ รับบทเป็น พ่อของไอซ์
อรอรอนงค์ ปัญญาวงค์ รับบทเป็น แม่ของน้ำ

รับชมได้ทาง Netflix มีจำนวน 1 Season รวมทั้งหมด 7 ตอน

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ในวันจบการศึกษาของนักเรียนชั้นมัธยมปลายโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนเกาะปินตู ซึ่งเกาะที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย (ใกล้เกาะภูเก็ต) ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนประจำที่รวมเหล่าเด็กไฮโซบ้านรวยทั้งหลาย

ซึ่งในคืนวันนั้นเองที่มีกลุ่มนักเรียนกลุ่มหนึ่งได้จัดปาร์ตี้ฉลองวันจบการศึกษากันอย่างสุดเหวี่ยงอยู่บนเกาะแห่งนั้น ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานเมามายกันอย่างเต็มที่ ก็ได้เกิดจันทรุปราคาขึ้น และทันใดนั้นก็เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่โถมเข้าใส่เกาะจนเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างไปทั่วทั้งเกาะ

25 วันผ่านไปหลังเกิดคลื่นสึนามิซัดเข้าถล่มเกาะปินตู กลุ่มนักเรียนทั้ง 36 คนที่อยู่ในงานปาร์ตี้คืนจันทร์สีเลือด (คืนวันที่เกิดจันทรุปราคา) ต่างก็ต้องใช้ชีวิตที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอยู่บนเกาะปินตู ท่ามกลางความเสียหายที่ขาดทั้งกระแสไฟฟ้าและระบบสัญญาณสื่อสารที่ล่มทั้งหมด

แต่บางคนก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเริงร่าเหมือนมาเที่ยวปิคนิค เพราะคิดว่าอีกไม่นานพ่อ-แม่ของพวกเขาก็คงออกมาตามหา (บ้านรวยๆ กันทั้งนั้นนี่) ในขณะที่บางคนก็พยายามหาช่องทางในการติดต่อขอความช่วยเหลือ บางคนก็พยายามหาวิธีที่จะออกจากเกาะเพื่อไปขอความช่วยเหลือ

แต่ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความหวังที่จะมีใครมาช่วยเหลือก็ยิ่งเลือนลาง พร้อมกับการเกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นบนเกาะเรื่อยๆ

ความรู้สึกหลังดูจบ
แว๊บแรกเลยคือนึกถึงซีรีส์ในตำนานอย่างเรื่อง Lost (อสูรกายดงดิบ) ขึ้นมาซะงั้น ทั้งธีมเรื่องที่เกี่ยวกับการติดเกาะ, การต่อสู้เอาตัวรอดจากเหล่าผู้รอดชีวิตด้วย และปริศนาเหนือธรรมชาติหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นภายในเกาะ รวมถึงวิธีการนำเสนอปูมหลังของตัวละครบางตัวด้วยวิธีการเล่าเรื่องแบบ Flashback

แม้โดยส่วนตัวจะเคยดูและประทับใจมากๆ กับซีรีส์เรื่อง Lost (อสูรกายดงดิบ) มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่กับเรื่องนี้ก็ยังคงสามารถดูได้สนุกและตื่นเต้นไปกับเรื่องราวที่นำเสนอได้อย่างไม่ยากนัก เพราะแม้ธีมหลักอาจจะคล้ายกัน แต่ในส่วนของรายละเอียดต่างๆ ก็มีหลายๆ จุดที่แตกต่างกันอยู่มาก ดังนั้นโดยภาพรวมก็ถือว่าทำออกมาได้สนุกและน่าติดตามพอสมควรเลยนะฮะ

แต่จุดที่ไม่ชอบเลยของซีรีส์ชุดนี้ก็คือ ในขณะที่ตัวซีรีส์เองมีความยาวเพียงแค่ 7 ตอนเท่านั้น แต่เรื่องราวมันกลับไม่เดินไปข้างหน้าหรือมีพัฒนาการอย่างที่ควรจะเป็นเลย ทั้งๆ ที่ 2-3 ตอนแรกทำออกมาได้ค่อนข้างดีและมีความน่าติดตามมากๆ นะฮะ แต่พอเริ่มเข้าตอนที่ 4 เหมือนเรื่องมันก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย วนๆ อยู่กับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ จนทำให้รู้สึกว่ามันเริ่มเดินเรื่องอืดไปเรื่อยๆ และความกระหายใคร่รู้ ความน่าสนใจในเรื่องราวต่างๆ ก็ค่อยๆ จืดชืดลง

รวมถึงปริศนาต่างๆ ที่พยายามใส่พยายามยัดเข้ามาอย่างมากมาย ยอมรับเลยว่าตอนแรกๆ ก็มีความน่าสนใจและน่าค้นหานะฮะ แต่พอมันมีแต่ยัดปริศนาเข้ามา แล้วไม่ยอมเฉลยหรือคลี่คลายปมนั้นๆ ซะที พอมันสะสมไปเรื่อยๆ กลายเป็นดินพอกหางหมู มันก็เริ่มน่าเบื่อแล้ว

ตอนแรกก็คิดว่า เฮ้ย!!! หรือจะมาอัดเฉลยเอาในตอนท้ายเรื่องทั้งหมดทีเดียวเลยเหรอ จะ “อิหยังวะ” มั้ยนะ หรือจะคลี่คลายปมทั้งหมดได้กระจ่างชัดพอหรือเปล่านะ แต่ๆๆๆ สุดท้ายแล้ว จนจบซีซั่นมันก็ยังไม่เฉลยอะไรเลย มีแต่เพิ่มปริศนาใหม่เข้ามาอีก ซึ่งถามว่ามันชวนให้เราอยากติดตามตอนในซีซั่น 2 หรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่าใช่ มันชวนให้เราอยากตามต่อมากๆ แต่ก็นั่นแหละฮะ มันจะดีกว่านี้มาก ถ้าในระหว่างทางจะไม่ทำให้เรารู้สึกเบื่อ เพราะมันก็แค่ 7 ตอนเอง มันควรจะกระชับได้มากกว่านี้

หรือจริงๆ ถ้าจะเล่นกับปริศนา มันก็ควรจะค่อยๆ คลายปมทีละปมก่อน (คลายสักหน่อยก็ยังดี) แล้วค่อยใส่ปริศนาใหม่เข้ามา แล้วสุดท้ายก็ค่อยเชื่อมโยงปริศนาทั้งหมดเข้าด้วยกัน ให้มันเชื่อมต่อกันแบบเนียนๆ ทำให้มัน”ว้าว” ไปเลย แล้วจากนั้นค่อยไปทิ้งปริศนาใหญ่อันใหม่ในช่วงท้ายสำหรับส่งต่อไปซีซั่น 2 ก็น่าจะทำให้รู้สึกบันเทิงได้มากกว่านี้นะฮะ เพราะต้องยอมรับเลยว่า ตอนจบของซีซั่นนี้วางปมไว้ได้น่าสนใจมากๆ และทำให้เราอยากดูต่อจริงๆ ฮะ (แต่ก็ยังหวั่นๆ อยู่ว่าขนาดในซีซั่น 1 ยังทิ้งปริศนาไว้เยอะแยะขนาดนี้ ถ้าไปต่อซีซั่น 2 มันจะเละเทะไปกว่าเดิมมั้ย เพราะดูแล้วสเกลของเรื่องมันน่าจะใหญ่ขึ้นมากๆ)

ในส่วนของตัวละครนั้น แม้ในระหว่างทางจะมีการเผยภาพ Flashback ของตัวละครบางตัว แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราได้รู้จักตัวละครนั้นๆ มากขึ้นเลย จนมันทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจในการตัดสินใจกระทำการอะไรบางอย่างของหลายๆ ตัวละคร และนั่นเองที่ทำให้ตัวละครบางตัวในสายตาของคนดูกลายเป็นตัวละครที่น่ารำคาญไปซะงั้น

สรุป >> ให้ไป 6.5 เต็ม 10 นะฮะ โดยรวมดูแล้วสนุกและน่าติดตามดี แต่ไม่ยอมเฉลยปมต่างๆ ที่ทิ้งไว้ให้เคลียร์ก่อนที่จะเปิดปมใหม่ “เคว้ง” สมชื่อเรื่องเลยฮะ

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยนะฮะ คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version