Home Movies You & Me & Me (เธอกับฉันกับฉัน) รักวุ่นๆ ของวัยรุ่น Y2K

[รีวิว] You & Me & Me (เธอกับฉันกับฉัน) รักวุ่นๆ ของวัยรุ่น Y2K [Movie]

[Review] You & Me & Me (เธอกับฉันกับฉัน) [2023]

You & Me & Me (เธอกับฉันกับฉัน) ภาพยนตร์ไทยแนว Drama Romantic Coming-of-Age จากค่าย GDH ที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปสัมผัสกับบรรยากาศในช่วงปี 1999 ที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุค Y2K

เขียนบทและกำกับโดย  วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์, แวววรรณ หงส์วิวัฒน์

นำแสดงโดย

ธิติยา จิระพรศิลป์ (จากมิวสิควิดีโอ กลับมาคบกันเถอะBillkin) รับบทเป็น ยู / มี
อันโทนี บุยเซอเรท์ รับบทเป็น หมาก
ศุภักษร ไชยมงคล (จากภาพยนตร์เรื่อง คนเล่นของ และ จี้) รับบทป็น แม่ของยูและมี
นฑี งามแนวพรม (จากภาพยนตร์เรื่อง อรหันต์ซัมเมอร์ และ โกงพลิกเกม) รับบทป็น ป๊าของยูและมี
ยะสะกะ ไชยสร (จากภาพยนตร์เรื่อง ร่างทรง) รับบทเป็น ครูสอนเล่นพิณ
กันตภณ จินดาทวีผล (สมาชิกวง LAZ1) รับบทเป็น โต้

รับชมได้ทาง Netflix

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ ยู และ มี ฝาแฝดวาววัยแรกแย้มที่แชร์ทุกสิ่งอย่างในชีวิตร่วมกันมาตลอดตั้งแต่แรกเกิด ต่างคนต่างก็เป็นโลกทั้งใบของกันและกัน

จนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้มีเด็ผู้ชายวัยเดียวกันที่ชื่อ หมาก ได้เข้ามาในชีวิตคนพวกเธอ ซึ่งเขาได้กลายเป็นชนวนเหตุเล็กๆ ที่ส่งผลกระทบอย่างยิ่งใหญ่ต่อความสัมพันธ์ของพวกเธอ

พวกเธอจะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาอันสับสนนี้ไปได้หรือไม่อย่างไร ไปร่วมหาคำตอบกันนะฮะ

ความรู้สึกหลังดูจบ
หนังดูมีความพยายามที่จะจับยัดทุกอย่างที่อยากได้ใส่ลงไปหมด ทั้งปัญหาครอบครัว, ความสัมพันธ์ของฝาแฝด และ รักสามเส้า ท่ามกลางบรรยากาศย้อนยุคที่กำลังมาแรงอย่างยุค Y2K แต่คนทำหนังกลับไม่สามารถผสมผสานคลุกเคล้าทุกอย่างให้ออกมาได้อย่างกลมกล่อมและลงตัวเท่าไหร่นัก ออกมาในแนวเพลย์เซฟซะมากกว่า จะดราม่าก็ไปไม่สุด (ทั้งๆ ที่สามารถเล่นให้หนักกว่านี้ก็ได้ มีทางให้เล่นได้เยอะเลย) จะโรแมนติกรึก็ดูแปลกๆ แถมเด็กก็ยังดูแรดเกินเบอร์ไปหน่อย (จริงๆ ด้วยบริบทของหนัง ไม่จำเป็นต้องมีฉากจูบกันก็ได้นะ หรือถ้าจะมี ก็เอาแค่ First Kiss แบบมุมน่ารักๆ ก็พอแล้วมั้ยอ่ะ ไม่จำเป็นต้องถึงขนาด French Kiss เลย)

อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่เข้าใจว่าคนทำหนังจะใส่เข้ามาทำไม นั่นคือฉากที่ตัวละคร ยู/มี ถอดเสื้อ แม้จะมีเฟิร์สบราหรือเสื้อซับในอยู่ก็ตาม (ตัวละครอายุน่าจะประมาณแค่ 13-14 ปีเท่านั้น) ซึ่งดูจากบริบทของหนังแล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องใส่ซีนนี้เข้าไปก็ได้นะฮะ (แถมยังมีถึง 2 ฉากเลยทีเดียว ถ้าจำไม่ผิดนะ)

และด้วยพลอตเรื่องง่ายๆ ที่ไม่มีหักมุมอะไร บวกกับวิธีการเดินเรื่องคล้ายๆ กับหนังรักโรแมนติกของญี่ปุ่นที่เป็นลักษณะเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ เนือยๆ เนิบๆ นั่นจึงทำให้ถ้าใครที่ไม่สามารถโฟกัสอยู่กับเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปได้ตลอดเวลา รับรองว่ามีช่วงเบื่อแน่นอนฮะ

นอกจากการเดินเรื่องที่เรียบๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครฝาแฝด ยู และ มี คือด้วยความที่ตัวละครทั้งสองเป็นฝาแฝด ดังนั้นทางด้านความสัมพันธ์แบบพี่น้องจึงควรที่จะถ่ายทอดออกมาให้ลึกคู่พี่น้องทั่วๆ ไป ยิ่งโดยเฉพาะผู้กำกับที่เป็นคนเขียนบทเองก็เป็นฝาแฝดด้วย แต่สิ่งที่เล่าออกมากลับกลายเป็นแค่เรื่องผิวๆ ที่ไม่สามารถทำให้เราอินไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ดีพอ คือหนังมันให้ความรู้สึกแค่ประมาณหนังแนวรักสามเศร้าของคู่พี่น้องธรรมดาๆ เท่านั้น ซึ่งจริงๆ การที่ใช้ตัวละครเป็นฝาแฝด มันควรจะสื่ออะไรให้ลึกกว่านี้ได้นะ

อย่างเช่นเรื่องการสลับตัวกันแล้วไม่มีคนจับได้ หรือแม้กระทั่งพ่อและแม่เองที่บางครั้งยังจำผิดคนเลย ซึ่งตรงประเด็นเหล่านี้ก็พอเข้าใจแหละว่าคนทำหนังต้องการจะสื่ออะไร แต่มันยังไม่ค่อยทัชเท่าไหร่อ่ะ คือถ้าคนดูที่ไม่ใช่ฝาแฝดกันจริง น่าจะไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ของตัวละครในประเด็นเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนพอ

ส่วนที่น่าเสียดายที่สุดก็เห็นจะเป็นบรรยากาศย้อนยุค Y2K ที่คนทำหนังไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเลย กิมมิคของยุคก็แค่หยิบๆ มาใส่เข้าไปให้มันดูเป็น Y2K แต่มันยังไม่พออ่ะ ด้วยพลอตเรื่องและการเดินเรื่องแบบนี้ จริงๆ แล้วจะให้พื้นหลังเป็นยุคไหนก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อหนังเลย

อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานหนังของ GDH ไปพอสมควรเลยก็คือเรื่องของการเพลงประกอบในแต่ละซีนของหนัง ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งหนึ่งของทีมงาน GDH เลยก็ว่าได้ (จริงๆ ก็ตั้งแต่สมัยเป็น GTH แล้วแหละ) เพราะที่ผ่านมางานของ GDH/GTH จะเด่นในเรื่องการการเลือกเพลงประกอบมาใส่ในหนังได้เป็นอย่างดี ต่างช่วยเสริมให้ทั้งเพลงและซีนนั้นๆ มีความน่าสนใจและน่าประทับใจมากขึ้น

แต่สำหรับเรื่องนี้แม้จะได้เพลงดังของ Triumphs Kingdoms อย่าง กันและกัน และ ผ้าเช็ดหน้า มาใช้งาน แต่จังหวะในการหยิบไปใส่ในแต่ละฉาก กลับไม่ได้ช่วยให้มีความน่าสนใจอะไรขึ้นมาเลย

แอบเสียดายวัตถุดิบดีๆ ที่มีอยู่มากมายเต็มไปหมด แต่กลับไม่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ภาระจึงไปตกที่ น้องใบปอ ที่ต้องกลายเป็นเดอะแบกของหนังไปซะงั้น

สรุป >> ให้ไปกลางๆ ประมาณ 6 เต็ม 10 ละกันฮะ เป็นหนังที่มีพลอตง่ายๆ ดูเพลินๆ เรื่อยๆ แต่แอบเนือยๆ จนเกือบน่าเบื่อ

ฝากรีวิวเรื่องอื่นๆ ด้วยนะฮะ คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย

Exit mobile version