[รีวิว] Fallout (ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู) ซีรีส์น้ำดีที่ดัดแปลงมาจากวิดีโอเกม [Series]

[Review] Fallout (ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู) [2024]

Fallout (ฟอลล์เอาท์ ภารกิจฝ่าแดนฝุ่นมฤตยู) ซีรีส์แนว Post-Apocalyptic Dystopia Survival Thriller Action Drama Sci-Fi Coming-of-Age ที่ดัดแปลงมาจากวีดีโอเกมชื่อเดียวกันของค่าย Interplay Entertainment ที่สร้างโดย Tim Cain และ Leonard Boyarsky

ดูแลงานสร้างโดย Graham Wagner และ Geneva Robertson-Dworet

นำแสดงโดย
Ella Purnell (จากภาพยนตร์เรื่อง Kick-Ass 2, Maleficent และ Army of the Dead) รับบทเป็น Lucy MacLean
Aaron Moten (จากซีรีส์เรื่อง Disjointed และ Next) รับบทเป็น Maximus
Kyle MacLachlan (จากซีรีส์เรื่อง Desperate Housewives และ Agents of S.H.I.E.L.D.) รับบทเป็น Hank MacLean
Moisés Arias (จากภาพยนตร์เรื่อง Ender’s Game) รับบทเป็น Norm MacLean
Walton Goggins (จากภาพยนตร์เรื่อง Tomb Raider (2018) และ Ant-Man and the Wasp) รับบทเป็น The Ghoul / Cooper Howard
Sarita Choudhury (จากซีรีส์เรื่อง Jessica Jones และ And Just Like That…) รับบทเป็น Lee Moldaver
Leslie Uggams (จากภาพยนตร์เรื่อง Deadpool ทั้ง 3 ภาค) รับบทเป็น Betty Pearson
Johnny Pemberton (จากซีรีส์เรื่อง I Feel Bad) รับบทเป็น Thaddeus
Michael Emerson (จากซีรีส์เรื่อง Lost และ Arrow) รับบทเป็น Dr. Siggi Wilzig

รับชมได้ทาง Prime Video มีความยาว 8 ตอน

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวกล่าวถึงโลกในช่วงเวลา 219 ปีหลังเกิดสงครามนิวเคลียร์ เมื่อมนุษย์ส่วนหนึ่งต้องอพยพมาใช้ชีวิตอยู่ในหลุมหลบภัย และพยายามสร้างสังคมขึ้นมาใหม่เพื่อรอวันที่จะได้กลับขึ้นไปใช้ชีวิตบนพื้นดินอีกครั้ง

ลูซี่ แมคเคลน หญิงสาวที่เกิดและเติบโตมาภายในหลุบหลบภัย Vault 33 ด้วยการปลูกฝังค่านิยมวิถีโลกสวยแบบ American Dream จนกระทั่งวันหนึ่งได้เกิดเหตุให้เธอต้องขึ้นไปทำภารกิจบนโลกข้างบน และนั่นจึงทำให้เธอได้พบกับสังคมที่ล่มสลายและโหดร้ายซึ่งตรงกันข้ามกับชีวิตในแบบ American Dream ที่เธอรู้จักโดยสิ้นเชิง

และแล้วมุมมองการใช้ชีวิตของ ลูซี่ ก็ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อเธอได้พบกับ แม็กซิมัส พลทหารชั้นต่ำของกองทัพภราดรภาพ (Brotherhood of Steel) และ เดอะ กูลล์ มนุษย์กลายพันธุ์นักล่าค่าหัวที่มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคก่อนสงครามนิวเคลียร์ ท่ามกลางความโหดร้ายป่าเถื่อนของสังคมดิสโทเปีย

ความรู้สึกหลังดูจบ
โดยส่วนตัวไม่เคยเล่นและไม่รู้จักเกมนี้มาก่อนนะฮะ ดังนั้นรีวิวนี้จะเป็นความรู้สึกที่ได้จากการดูซีรีส์เพียวๆ ไร้ข้อเปรียบเทียบใดๆ กับในเกมนะฮะ

เป็นซีรีส์ที่ทำออกมาได้สนุกมากฮะ การเดินเรื่องชวนให้ติดตามได้ตลอดทุกตอนทั้งซีซั่น ไม่มีช่วงไหนที่น่าเบื่อเลย แม้ตลอดเกือบทุกตอนจะมีการเล่าเรื่องสลับระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันกับในช่วงอดีตก่อนเกิดเหตุสงครามนิวเคลียร์ก็ไม่ได้ทำให้เรางงอะไรเลย เพราะเป็นการเล่าเรื่องเพื่อเฉลยปมปริศนาต่างๆ ที่หยอดทิ้งเอาไว้ตลอดทางว่าได้เกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงยุคก่อนสงครามนิวเคลียร์ จนในช่วงท้ายของซีซั่นที่เฉลยเรื่องราว (เกือบ) ทั้งหมด ที่ทำให้เราถึงกับอึ้งไปเลยเหมือนกันฮะ

และจะว่าไปแล้วโดยภาพรวมของซีรีส์ก็ให้ให้อารมณ์เหมือนภาพยนตร์ชุด Mad Max อยู่เหมือนกันนะฮะ ในแง่ของการที่ตัวละครเอกจะต้องเอาตัวรอดจากผู้คนในสังคมแดนเถื่อน เพียงแต่ว่าองค์ประกอบหลายๆ อย่างของซีรีส์ชุดนี้จะมีความแฟนตาซีมากกว่า เช่น มีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ เป็นต้น

และถ้าจะบอกว่าในซีซั่นแรกนี้มีแฝงแนว Coming-of-Age อยู่ด้วยพอสมควรก็คงไม่ผิดนักเพราะตัวซีรีส์ในซีซั่นนี้หลักๆ ก็ถูกขับเคลื่อนด้วย 2 ตัวละครวัยรุ่นอย่าง ลูซี่ และ แม็กซิมัส ที่ต่างก็เติบโตมาในวิถีที่แตกต่างกันและเมื่อได้มาพบกันร่วมผจญไปด้วยกันต่างคนต่างก็ได้เรียนรู้ถึงมุมมองของชีวิตที่เปลี่ยนไปในมุมของตน

ซึ่งถึงแม้ว่าเรื่องราวส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การผจญภัยในแดนร้างของตัวละคร ลูซี่ และ แม็กซิมัส แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ไม่ทิ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้น Vault-33 ในช่วงหลังจากที่ ลูซี่ ออกจาก Vault-33 มาสู่โลกภายนอก โดยเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละคร นอร์ม ที่เป็นน้องชายของ ลูซี่ กับการค้นพบความลับอันดำมืดที่แฝงอยู่ภายใน Vault-33

และนี่ก็คือเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของซีรีส์ชุดนี้ที่ทำให้เราเดาทางได้ยากขึ้น

ที่ชอบที่สุดเลยก็คือการจิกกัดคนที่ชอบอ้างตัวว่ายอมทำเรื่องร้ายๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วก็มองถึงประโยชน์ของตัวเองมาก่อนเสมอฃ

สรุป >> ให้ไปเลย 10 เต็ม 10 ฮะ ในมุมมองสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกม ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ให้ความบันเทิงได้เป็นอย่างดีเลยฮะ ซีรีส์สามารถเล่าเรื่องที่ดูเหมือนจะซับซ้อนให้เข้าใจได้ง่าย

ฝากรีวิวเรื่องอื่นๆ ด้วยนะฮะ คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย