Home NETFLIX เด็กใหม่ ซีซั่น 2 กับความทะเยอทะยานที่จะไปให้ไกลกว่าเดิม

[รีวิว] เด็กใหม่ ซีซั่น 2 กับความทะเยอทะยานที่จะไปให้ไกลกว่าเดิม [Series]

[Review] เด็กใหม่ ซีซั่น 2 (Girl From Nowhere) [2021]

เด็กใหม่ ซีซั่น 2 (Girl From Nowhere) กับการกลับมาอีกครั้งของ แนนโนะ (รับบทโดย คิทตี้ ชิชา อมายตยกุล) ที่ได้รับสมญานามว่า ลูกสาวซาตาน ซีรีส์ไทยแนว Mystery Thriller จากค่าย Sour Bangkok โดยห่างจาก ซีซั่นแรก ถึง 3 ปีเลยทีเดียว ซึ่งซีซั่นนี้จะอยู่ภายใต้ชื่อ Netflix Original Series

Season 2 มีจำนวนทั้งหมด 8 Episode ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก 8 ข่าวดัง สามารถรับชมได้ทางช่อง Netflix

เด็กใหม่ (Girl From Nowhere) [ซีซั่น 2]

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ยังคงเป็นเรื่องราวของ แนนโนะ เด็กสาวปริศนาที่ย้ายโรงเรียนใหม่ไปเรื่อยๆ ในทุกๆ ตอนเพื่อจัดการกับคนที่ (แนนโนะ คิดว่า) มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ดังนี้

ตอนที่ 1 (Episode 1) “นักล่าแต้ม (Pregnant)” – กำกับโดย ไพรัช คุ้มวัน

ท้องในวัยเรียน

เรื่องราวของ นะนาย (รับบทโดย เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) หนุ่มสุดฮอตในโรงเรียน ที่เป็นทั้งนักกีฬาโรงเรียนและว่าที่ประธานนักเรียน แต่ในด้านชื่อเสียของเขาที่กระหึ่มไปทั้งโรงเรียนเลยก็คือ การเป็นเสือผู้หญิงที่มักจะแอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนักเรียนหญิงเกือบทั้งโรงเรียน และเมื่อฝ่ายหญิงท้อง เขาก็จะตัดความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้นทันทีโดยที่ไม่รับผิดชอบอะไร

จนกระทั่งวันที่ แนนโนะ ย้ายเข้ามาเป็นเด็กใหม่ ปฏิบัติการล่าแต้มของ นะนาย ก็เริ่มต้นอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกิดขึ้นรวดเร็วและร้อนแรง

แต่บทสรุปของความสัมพันธ์ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร


ตอนที่ 2 (Episode 2) “True Love” – กำกับโดย คมกฤษ ตรีวิมล

ครูโหด ทำเกินกว่าเหตุ

เรื่องราวของ ครูนฤมล (รับบทโดย ต่าย เพ็ฐพักตร์ ศิริกุล) ครูหัวหน้าฝ่ายปกครองจอมเฮี๊ยบของ โรงเรียนทิพย์นารีวิทยา โรงเรียนหญิงล้วนที่กำลังประสบปัญหาทางด้านการเงิน จนต้องรวมโรงเรียนเข้าโรงเรียนชายล้วนที่อยู่ข้างๆ กัน และกลายเป็นโรงเรียนสหฯ

ครูนฤมล พยายามค้านหัวชนฝาที่จะไม่ยอมให้มีการรวมโรงเรียนกันเกิดขึ้น เพราะเธอเชื่อว่าการกระทำต่างๆ ของเด็กนักเรียนชายที่เข้ามาจะสร้างความแปดเปื้อนให้กับเด็กนักเรียนหญิงและโรงเรียน

แต่ในเมื่อผู้อำนวยการไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของเธอ เธอจึงต้องคิดนโยบายของโรงเรียนเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงร้ายๆ (ในความคิดของเธอ) ที่จะเกิดขึ้น โดยมี ครูลินดา (รับบทโดย นัดดา ชววานิช) เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงคอยให้ความช่วยเหลือ

จนกกระทั่งการมาถึงของ แนนโนะ เด็กใหม่ที่จะเข้ามาปลดล็อคทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งปมในใจของ ครูนฤมล เองก็เช่นกัน


ตอนที่ 3 (Episode 3) “มินนี่ 4 ศพ (Minnie and the Four Bodies)” – กำกับโดย ไพรัช คุ้มวัน

ไฮโซรอดคดีชนแล้วหนี

เรื่องราวของ มินนี่ (รับบทโดย แพทริเซีย กู๊ด) สาวสวยลูกไฮโซที่มักจะก่อเรื่องก่อราวให้ คุณพ่อ (รับบทโดย สหจักร บุญธนกิจ) ต้องคอยตามแก้ปัญหาอยู่เสมอ

วันหนึ่ง มินนี่ ถูกจับได้ว่าลอกข้อสอบ จึงถูกอาจารย์เรียกผู้ปกครองมาพบ ซึ่งพ่อของเธอก็แก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการบริจาคเงินหนึ่งล้านบาทโดยจ่ายเช็คเข้าบัญชีครูใหญ่โดยตรง หลังจากนั้น มินนี่ ก็ถูกคุณพ่อสั่งกักบริเวณห้ามออกจากบ้านหลังหกโมงเย็นเป็นเวลา 1 เดือน

แต่ มินนี่ ก็ไม่ยอมเชื่อฟัง แอบขโมยรถออกมาเพื่อขับไปหาเพื่อน ในระหว่างที่กำลังขับรถ มินนี่ ก็ดื่มไวน์ไปด้วยและคุยโทรศัพท์วิดีโอคอลกับเพื่อนไปด้วยท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำ จนกระทั่งอุบัติเหตุก็เกิดขึ้น เมื่อรถของ มินนี่ พุ่งเข้าชนรถรับ-ส่งนักเรียนที่จอดอยู่หน้าโรงเรียนอย่างจัง ส่งผลให้นักเรียนทั้ง 4 คนที่นั่งอยู่ในรถรับ-ส่งนักเรียนตายคาที่

สุดท้ายด้วยการจัดการของคุณพ่อของเธอ ทำให้เธอรอดพ้นจากความผิดในครั้งนี้ไปได้อีกครั้ง แต่ความผิดบาปที่อยู่ในใจก็คอยตามหลอกหลอนเธออยู่ตลอดเวลา พร้อมกับบทลงโทษที่เธอต้องชดใช้


ตอนที่ 4 (Episode 4) “กำเนิดยูริ (Yuri)” – กำกับโดย สิทธิศิริ มงคลศิริ

วัยรุ่นลวงเพื่อนถ่ายคลิปฉาว

เรื่องราวของ ยูริ (รับบทโดย ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ จากซีรีส์เรื่อง เคว้ง (The Stranded) [2019]) เด็กสาวฐานะยากจนที่อาศัยอยู่กับแม่เพียงลำพังในชุมชนแออัด เธอมักจะถูกกลั่นแกล้งและดูถูกเหยียดหยามในความจนจากเพื่อนๆ ในโรงเรียน จนกระทั่งวันหนึ่ง นาน่า (รับบทโดย ทสร กลิ่นเนียม) และ ทับทิม (รับบทโดย อภิชญา พานิชกุล) 2 สาวไฮโซก็เข้ามาตีสนิทและปกป้อง ยูริ จากกลุ่มนักเรียนในโรงเรียน

แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่ นาน่า และ ทับทิม ปฏิบัติต่อ ยูริ นั้นเป็นเหมือนคนรับใช้ประจำกลุ่มมากกว่า ทั้ง 2 มักจะใช้งาน ยูริ ให้ทำนู่นนี่นั่นต่างๆ นานา โดยเอาความเป็นเพื่อนมาเป็นข้ออ้างและใช้เงินมาเป็นของรางวัลแลกเปลี่ยน เพราะรู้ว่าที่บ้าน ยูริ ลำบากและต้องการเงิน ซึ่ง ยูริ เอง ก็ไม่ปฏิเสธการกระทำของทั้ง 2 คนนั้น

นาน่า และ ทับทิม มีเบื้องหลังอันเลวร้ายแอบซ่อนอยู่ และ ยูริ ก็คือ 1 ในเหยื่อของความเลวร้ายนั้น และในที่สุด ยูริ ก็ตัดสินใจหาทางแก้แค้นทั้ง 2 คนตามคำแนะนำของ แนนโนะ เด็กใหม่ที่มาขอเข้ากลุ่มด้วย


ตอนที่ 5 (Episode 5) “รับน้อง (SOTUS)” – กำกับโดย คมกฤษ ตรีวิมล

รับน้องโหด ทำรุ่นน้องถึงตาย

ในตอนที่ 5 จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัย เรื่องราวของ เค (รับบทโดย ภูมิภัทร ถาวรศิริ) รุ่นพี่หัวหน้าว้ากของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ที่บ้าอำนาจและนิยมใช้ความรุนแรงกับรุ่นน้อง จนกระทั่งถูกการต่อต้านจาก แนนโนะ เด็กรุ่นน้องปี 1 ที่ไม่เห็นด้วยกับพิธีการรับน้องที่ไม่สร้างสรรค์ของพวกรุ่นพี่

เค จึงลงโทษ แนนโนะ ที่บังอาจแข็งข้อกับพวกรุ่นพี่ แต่แล้วการลงโทษก็เลยเถิดจนทำให้ แนนโนะ ถึงตาย เค จึงถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย

3 ปีผ่านไป เค ได้เข้าไปเป็นเด็กใหม่ของมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่ง และในระหว่างการรับน้องใหม่อยู่นั้น เค ซึ่งตอนนี้อยู่ในสถานะเป็นน้องใหม่ก็ได้พบกับ แนนโนะ ที่น่าจะตายไปแล้วจากฝีมือของเขาเอง แต่ตอนนี้ แนนโนะ กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเขาในสถาานะของการเป็นรุ่นพี่

เค จะโดน แนนโนะ จัดการอย่างไร แต่ในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียง แนนโนะ คนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นผู้จัดการลงโทษคนผิด


ตอนที่ 6 (Episode 6) “ห้องสำนึกตน (Liberation)” – กำกับโดย ปวีณ ภูริจิตปัญญา และ สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์

ออกกฎคุมเข้ม ละเมิดสิทธินักเรียน

โรงเรียนพันธนะวิทยา โรงเรียนประจำที่มีกฎอันแสนเข้มงวดและบังคับใช้กับนักเรียนอย่างเคร่งครัดสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน โดยมี ครูเอ (รับบทโดย เมย์-ภัทรวรินทร์ ทิมกุล) หัวหน้าฝ่ายปกครองเป็นผู้ดูแลกฎ และมี ครู บี (รับบทโดย ต่าย-ชุติมา ทีปะนาถ) เป็นครูผู้ช่วย หากนักเรียนคนไหนที่ฝ่าฝืนกฎก็จะถูกลงโทษอย่างหนัก โดยเฉพาะกับนักเรียนที่ถูกมองว่าจะสร้างปัญหาให้กับโรงเรียน ก็จะถูกลงโทษโดยการจับไปขังไว้ในห้องสำนึกตน

แนนโนะ จึงต้องเข้าเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้ และ แนนโนะ ก็ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เข้ามาจัดการกับสิ่งเหล่านี้


ตอนที่ 7 (Episode 7) “JennyX” – กำกับโดย จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์

เน็ตไอดอลลวงโลก ไลฟ์สร้างกระแส

เรื่องราวของ เจน (รับบทโดย ภัณฑิรา พิพธยากร) หรือ JennyX เน็ตไอดอลวัยทีนผู้โด่งดังมีผู้ติดตามมากมายในโลกโซเชียลจนสามารถสร้างรายได้ได้อย่างมากมายให้กับครอบครัว จากการรีวิวสินค้าและเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับสินค้า

แต่เบื้องหลังกล้องนั้น เจน เริ่มรู้สึกเบื่อกับการที่จะต้องเสแสร้งสร้างภาพลักษณ์ที่สดใสสวยงามในเวลาที่เธอต้องออกหน้ากล้อง รวมถึงต้องเสแสร้งแกล้งชื่นชมชื่นชอบสินค้าบางอย่างที่ไม่ได้ดีจริงอย่างที่เธอพรีเซนต์ไป

วันหนึ่งเธอก็ได้พบกับ แนนโนะ เด็กใหม่ของห้องที่เข้ามาตีสนิท จนเธอสามารถที่จะเปิดเผยและระบายความอัดอั้นในใจที่เก็บเอาไว้มานานได้อย่างเต็มที่ และในที่สุด แนนโนะ ก็แนะนำวิธีที่ เจน จะสามารถหายไปจากสังคมและได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระอย่างที่ตัวเองต้องการได้

สุดท้ายแล้วแผนการหลบหนีจากสังคมของ เจน และ แนนโนะ จะออกมาในทิศทางใด และการเข้ามาของเด็กใหม่อีกคนจะส่งผลกระทบกับทั้ง 2 คนอย่างไร


ตอนที่ 8 (Episode 8) “อวสานแนนโนะ (The Judement)” – กำกับโดย คมกฤษ ตรีวิมล

แม่โกงเงินบริจาค อ้างรักษาลูกป่วย

เรื่องราวของ จุนโกะ (รับบทโดย พลอย ศรนรินทร์ จากซีรีส์เรื่อง the Maid (สาวลับใช้) [2020]) เด็กสาวที่ป่วยด้วยโรคฮีโมฟีเลียจนร่างกายอ่อนแอ จนไม่สามารถเดินได้อย่างคนปรกติ ต้องอาศัยนั่งรถเข็นอยู่ตลอดเวลา จุนโกะ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือเรียนจนสามารถเป็นผู้ชนะการแข่งขันชีวะโอลิมปิคได้ จุนโกะ เป็นลูกสาวของ ครูหวาน (รับบทโดย ญารินดา บุญนาค) ที่คอยดูแลเอาใจใส่และรัก จุนโกะ เหนือสิ่งอื่นใด

ปัญหาสุขภาพของ จุนโกะ ต้องอาศัยการรักษาด้วยการฉีดยาให้เป็นประจำ ดังนั้นผู้คนที่รับรู้เรื่องราวของ จุนโกะ ต่างก็เห็นใจและให้ความช่วยเหลือด้วยการบริจาคเงินผ่านเข้าบัญชีของ ครูหวาน

จนกระทั่งวันหนึ่ง แนนโนะ ได้เห็นถึงสิ่งผิดปรกติบางอย่างจึงได้เริ่มค้นหาความจริง และแล้วความลับอันดำมืดก็ค่อยๆ ปรากฏ จนนำไปที่สู่บทสรุปที่น่าสะพรึง พร้อมกับการมาของเด็กใหม่อีกคน



ความรู้สึกหลังดูจบซีซั่น 2 (!!! ระวัง มีสปอยเล็กน้อย !!!)
ใน เด็กใหม่ ซีซั่น 2 นี้ แม้จะยังคงเป็นเรื่องราวแบบจบในตอน เนื้อหาหลักในแต่ละตอนก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเช่นเคย แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในซีซั่นนี้ก็คือการสร้างตัวละครใหม่ที่ชื่อ ยูริ และ จุนโกะ ขึ้นมาเพื่อเป็นการเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ให้สามารถเดินหน้าไปยังเรื่องราวใหม่ในซีซั่น 3

แต่ไม่รู้ว่าด้วยความที่ต้องการเล่นใหญ่ขึ้นหรืออย่างไรไม่ทราบ กลับกลายเป็นว่าเสน่ห์และความสนุกในแบบที่ซีซั่น 1 เคยสร้างมาตรฐานเอาไว้กลับหายไป คือดูแล้วไม่สนุกเท่าซีซั่น 1 แม้ว่าทั้งองค์ประกอบ นักแสดง และโปรดักชั่นจะดูใหญ่ขึ้นก็ตามที หรือแม้กระทั่งประเด็นของแต่ละตอนที่ต้องการจะนำเสนอก็ดูจะรุนแรงและชัดเจนตรงไปตรงมามากขึ้น ก็ยังไม่สามารถช่วยให้ซีรีส์นี้ดูดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นเลย

คนที่ดูแลภาพรวมของโปรเจคนี้ ไม่สามารถที่จะปรุงเนื้อหาที่เป็นแบบจบในตอนให้เข้ากับเส้นเรื่องใหม่ที่ต้องการนำเสนอให้ออกมาเป็นเนื้อเดียวกันที่กลมกล่อมได้

และก็เช่นเคยที่ตัวซีรีส์ก็ยังไม่ได้เล่าถึงที่มาที่ไปของตัวละคร แนนโนะ ว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำไมถึงมีพลังอะไรขนาดนี้ได้ ซึ่งแทนที่จะเล่าเรื่องราวในจุดนี้ให้เคลียร์ซะหน่อย แต่ผู้สร้างกลับเลือกที่จะสร้างตัวละครใหม่ที่มารับพลังต่อจาก แนนโนะ ขึ้นมาแทน แถมตัวละครใหม่นี้ ก็ยังได้สร้างผู้สืบทอดพลังคนที่ 3 ขึ้นมาอีกในตอนท้ายซีซั่น (พวกหนูกลายเป็นตัวอะไรไปแล้วคะ???)

แมวจึงมองว่า นี่คือจุดอ่อนของซีรีส์ชุดนี้ ที่หากว่ายังไม่เล่าเรื่องราวในจุดนี้ต่อให้ชัดเจนในซีซั่นหน้า ความน่าสนใจของซีรีส์ชุดนี้น่าจะต้องแผ่วลงอย่างแน่นอน

สิ่งหนึ่งที่ชอบเลยก็คือ ในซีซั่นนี้ เราจะได้เห็นพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของ แนนโนะ มากขึ้น จากที่ในซีซั่น 1 แนนโนะ ไม่เคยรู้สึกหรือสงสัยในการกระทำของตัวเองเลย แต่ในซีซั่นนี้ แนนโนะ เริ่มมีคำถามเกี่ยวกับการการะทำและการตัดสินใจของตัวเธอเองขึ้นในใจ และสิ่งนี้เองที่ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์อย่างที่เห็นในช่วงท้ายซีซั่น และมันย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในซีซั่น 3 อย่างแน่นอน ความน่าสนใจมันอยู่ตรงนี้และฮะ

ต่อไปก็มาให้คะแนนในแต่ละตอนกันดีกว่า

ตอนที่ 1 (Episode 1) “นักล่าแต้ม (Pregnant)” >> ให้ 7 เต็ม 10 > เดินเรื่องได้น่าสนใจดี เดินเรื่องสนุกและมีความน่าสนใจดี (น้องผู้หญิงในเรื่องก็แรดดีทุกคนเชียว ฮาๆๆๆๆ)

ตอนที่ 2 (Episode 2) “True Love” >> ให้ 6 เต็ม 10 > ดูแลรู้สึกขัดๆ กันยังไงไม่รู้ เหมือนสิ่งที่ต้องการจะสื่อกับสิ่งที่นำเสนอมันไปคนละทางกันเลย แถมยังเดินเรื่องได้น่าเบื่ออีกต่างหาก สิ่งที่ชอบที่สุดในตอนนี้คือการย้อมสีของภาพฮะ ดูวินเทจดี

ตอนที่ 3 (Episode 3) “มินนี่ 4 ศพ (Minnie and the Four Bodies)” >> ให้ 7 เต็ม 10 > ตอนนี้มาในธีมแนวหนังผีสยองขวัญ ซึ่งก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีบนมาตรฐานหนังผีแบบสมัย GTH

ตอนที่ 4 (Episode 4) “กำเนิดยูริ (Yuri)” >> ให้ 6.5 เต็ม 10 > ขอแยกเป็น 2 ประเด็นนะฮะ ในส่วนของพลอตและการดำเนินเรื่องของตอนนี้ ทำออกมาได้ค่อนข้างสนุกดีเลยฮะ แต่ในส่วนของการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของตัวละครใหม่นั้น ดูค่อนข้างจืดชืดไปหน่อย ไม่ค่อยรู้สึกว้าวเท่าไหร่นัก

ตอนที่ 5 (Episode 5) “รับน้อง (SOTUS)” >> ให้ 7 เต็ม 10 > โดยพลอตหลักของเรื่องมีความน่าสนใจมาก แถมทั้ง คิทตี้ และ นิ้ง ยังมีซีนให้ได้โชว์ของกันด้วยเล็กน้อย (ต้องไปดูกันเองนะฮะ ฮาๆๆๆๆๆ) แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ เอม ภูมิภัทร ที่รับบทเป็น เค แสดงได้โดเด่นมาก แต่ถ้าจะถามว่าเล่นดีมั้ย ก็พูดยากนะฮะ เพราะแลดูจะโอเวอร์แอคติ้งไปหน่อย เหมือนคนโรคจิตมากกว่ารุ่นพี่บ้าอำนาจ (ยกเว้นในช่วงที่สติหลุด อันนี้ โอเคเลยฮะ)

ตอนที่ 6 (Episode 6) “ห้องสำนึกตน (Liberation)” >> ให้ 6 เต็ม 10 > วิธีการดำเนินเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อไปหน่อย แต่ความน่าสนใจของตอนนี้ อยู่ที่วิธีการนำเสนอในงานด้านภาพ ซึ่งเลือกใช้วิธีการนำเสนอภาพในโรงเรียนเป็นภาพขาว-ดำ (จะเห็นได้ว่าตอนต้นเรื่องยังเป็นภาพสีปรกติ จนกระทั่งตัว แนนโนะ เดินผ่านรั้วโรงเรียนเข้าไปและพอประตูรั้วปิด ทุกอย่างก็กลายเป็นขาว-ดำทันที) และเลือกใช้สีสรรแทนความอิสระ ความเป็นปัจเจกชนที่แต่งแต้มเข้ามา

ตอนที่ 7 (Episode 7) “JennyX” >> ให้ 7.5 เต็ม 10 > ชอบตอนนี้ที่สุดฮะ เล่าเรื่องดี เดาทางยาก และที่สำคัญตอนนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เป็นจุดเปลี่ยนของตัวละคร แนนโนะ ด้วย ซึ่งทำออกมาได้ดีมาก (ชอบประโยคที่ตัวละคร เจน พูด กับ แนนโนะ ว่า “เราทำผิดขนาดนั้นเลยเหรอ เธอถึงต้องทำกับเราขนาดนี้” ใช่เลย มันเป็นอารมณ์ที่เราในฐานะที่เป็นคนดู ก็สงสัยแบบนั้นเหมือนกันนะ)

ตอนที่ 8 (Episode 8) “อวสานแนนโนะ (The Judement)” >> ให้ 6.5 เต็ม 10 > แอบเสียดายพลอตเรื่องนะ เพราะเนื้อหาที่ต้องการนำเสนอมีความเข้มข้นและน่าสนใจมาก สามารถเล่นอะไรแรงๆ หนักๆ ได้เยอะเลย แต่วิธีการเล่าเรื่องกลับไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ จึงทำให้จุดไคลแม็กซ์ของเรื่องดูจืดไปเลย แต่ยังไงก็ตามการทิ้งเชื้อไว้สำหรับต่อไปที่ซีซั่น 3 ก็ยังคงน่าสนใจอยู่ดี

สรุป >> เด็กใหม่ ซีซั่น 2 โดยภาพรวมเฉลี่ยแล้วให้ไป 7 เต็ม 10 ฮะสำหรับซีซั่นนี้ ตัวซีรีส์มีความทะเยอทะยานที่จะไปให้ไกลกว่าที่ผ่านมา แต่คนที่คอยคุมทิศทางของเรื่องยังไม่เก๋าพอที่จะทำให้มันออกมากลมกล่อมได้

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยนะฮะ คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ

Exit mobile version