Home Series Mouse ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมโรงเรียนประถมอินชอน

[รีวิว] Mouse ซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมโรงเรียนประถมอินชอน [Series]

[Review] Mouse (마우스) [2021]

Mouse (마우스) ซีรีส์เกาหลีใต้แนว Crime Thriller Drama ที่กำกับโดย Choi Joon-bae และ Kang Cheol-woo เขียนบทโดย Choi Ran โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมโรงเรียนประถมอินชอน เมื่อปี 2017

นำแสดงโดย
Lee Seung-gi (จากซีรีส์เรื่อง The King 2hearts, A Korean Odyssey และ VAGABOND) รับบทเป็น Jeong Ba-reum
Lee Hee-joon (จากซีรีส์เรื่อง The Queen of Office และ Mistress) รับบทเป็น Go Moo-chi
Park Ju-hyun (จากซีรีส์เรื่อง Zombie Detective) รับบทเป็น Oh Bong-yi
Kyung Soo-jin (จากซีรีส์เรื่อง Train และ Hush) รับบทเป็น Choi Hong-ju
Ahn Jae-wook (จากซีรีส์เรื่อง Faith และ Five Enough) รับบทเป็น Dr. Han Seo-joon)
Kim Jung-nan (จากซีรีส์เรื่อง Doctor Prisoner และ Crash Landing on You) รับบทเป็น Sung Ji-eun ภรรยาของ หมอฮันซอจุน
Kwon Hwa-woon (จากซีรีส์เรื่อง Zombie Detective) รับบทเป็น Sung Yo-Han
Jo Jae-yoon (จากซีรีส์ Lee San, Wind of the Palace, Reply 1994 และ Voice) รับบทเป็น Dr. Daniel Lee

สามารถชมได้ทาง viu, iQiyi และ WeTV นะฮะ มีจำนวนทั้งหมด 20 ตอน

Mouse (마우스) [2021]

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวเริ่มต้นที่คดีฆาตกรรมต่อเนื่องคดีหนึ่ง ซึ่งเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่มีเหยื่อจะถูกฆ่าและตัดศรีษะอย่างเหี้ยมโหด ทางตำรวจและสื่อมวลชนจึงตั้งฉายาให้ฆาตกรรายนี้ว่า นักล่าหัว (Head Hunter) ซึ่งเหยื่อจากคดีนี้มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 18 ศพ

วันหนึ่งฆาตกรก็ถูกจับกุมตัวได้เพราะพลาดปล่อยให้เหยื่อรายล่าสุดคนหนึ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมาได้อย่างปาฏิหารย์ และได้ชี้เบาะแสให้ทางตำรวจได้เข้าไปจับกุมตัวฆาตกรได้จนสำเร็จ

หลังจาก 25 ปีผ่านไปที่ฆาตกรในคดีนักล่าหัวถูกจำคุกในระหว่างที่กำลังรอคำสั่งประหารชีวิต ในตอนนี้กลับเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องรายใหม่ขึ้นมาอีก คดีที่ทางตำรวจและสื่อมวลชนเรียกว่า คดีฆาตกรรมมูจี ซึ่งทำให้ประชาชนชาวเกาหลีใต้ต้องกลับมาอกสั่นขวัญแขวนกันอีกครั้ง

สายสืบโกมูจิ นายตำรวจเลือดร้อนอารมณ์ฉุนเฉียวผู้ที่เคยมีอดีตกับคดีฆาตกรรมนักล่าหัวมาตั้งแต่สมัยเด็ก ได้รับหน้าที่ให้เข้ามาสืบสวนในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหม่นี้ จนวันหนึ่งที่เขาได้บังเอิญพบกับ จองบารีม นายตำรวจชั้นผู้น้อยผู้ซื่อสัตย์ ใจดีและรักในความยุติธรรม เขาเป็นที่รักผู้คนที่อยู่ในย่านดงกู ซึ่งเป็นเขตที่เขาดูแลอยู่

และจากสถานการณ์ต่างๆ ของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหม่นี้เอง ที่ทำให้นายตำรวจทั้ง 2 คนต้องร่วมมือกันในการสืบหาตัวฆาตกรเพื่อปิดฉากคดีฆาตกรรมสุดสยองในครั้งนี้ให้จงได้

แต่ยิ่งสืบสวนเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าคดีฆาตกรรมในครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมนักล่าหัวอย่างน่าประหลาดใจ และในวันหนึ่ง จองบารึม ได้เผชิญหน้ากับตัวฆาตกรจนถูกทำร้ายอาการสาหัสปางตาย ต้องนอนอยู่ในอาการโคม่าเป็นแรมเดือน

หลังจากที่วันเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปนานหลายเดือน เขาก็ฟื้นคืนสติกลับมาได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล

และแล้วความจริงอันเลวร้ายก็ค่อยๆ เปิดเผยให้เราได้รับรู้

ความรู้สึกหลังดูจบ (!!! ระวัง แอบมีสปอยเล็กๆ !!!)
สนุกมากฮะ แถมยังมีหุกมุมอีกต่างหาก ดูแล้วเพลียจิตเลยฮะ ตัวซีรีส์มีภาพความรุนแรงอยู่พอสมควร เนื้อหาบางช่วงในหลายๆ ซีนหลายๆ คดีมีความตึงเครียด ดราม่าและชวนหดหู่มากๆ ซึ่งใครที่กำลังจิตตกอยู่ จริงๆ ก็ไม่อยากจะแนะนำให้ดูนะฮะ เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปก่อน จิตใจพร้อมแล้วค่อยมาตามดูทีหลังน่าจะดีกว่านะฮะ

ในช่วง 2 EP แรกเดินเรื่องค่อนข้างที่จะเนือยๆ ไปหน่อย จนเกือบจะเททิ้งไปเหมือนกัน แต่โชคดีที่ยั้งใจไว้ได้ทัน เพราะพอเริ่มเข้า EP 3 เท่านั้นแหละฮะ ความตื่นเต้นและความระทึกก็ค่อยๆ ทวีความสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วง EP 5 นี่เรียกได้ว่าเป็น EP ที่ชอบที่สุดเลยฮะ

เป็นซีรีส์ที่เกือบจะเดาทางผิดเหมือนกันนะฮะ ตอนแรกก็ยังงงอยู่ว่าทำไมเฉลยเร็วจังว่าใครคือฆาตกร หรือจากซีรีส์สืบสวนสอบสวนจะกลายเป็นซีรีส์แอ็คชั่นไล่ล่ากันหรือเปล่า แต่พอดูไปเรื่อยๆ เอ๊ะ!!! มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดแฮะ ทุกอย่างที่ผู้กำกับต้องการนำเสนอและเดินเรื่องมาแบบนี้ มันมีเหตุผลของมันอยู่

และพอปริศนาเริ่มเฉลย ในช่วงแรกๆ ก็ยังมีอีกหลายๆ จุดที่เราเกิดคำถามขึ้นและรู้สึกว่า เอ๊ะๆ มันใช่เหรอ? พลอตโฮลหรือเปล่านะ?? จุดนั้นมันควรเป็นแบบนั้นแบบนี้หรือเปล่า???

แต่พอมาถึงช่วงท้ายเท่านั้นล่ะฮะ ทุกอย่างมันก็กระจ่างและเคลียร์ปมทั้งหมดได้เลย สุดยอดฮะ ยกนิ้วให้เลย ทุกอย่างมาเคลียร์ที่ EP ท้ายๆ จริงๆ

และที่ต้องขอชื่นชมที่สุดเลยก็คือ ดาราเด็กในเรื่องนี่แหละฮะ เล่นดีกันทุกคนเลย โดยเฉพาะ Seo Woo-jin และ Kim Kang-hoon ที่สามารถเล่นเป็นเด็กที่มีอาการ ไซโคพาธ ได้ดีมากๆ เล่นจนเราเชื่อเลยฮะ แววตาน่ากลัวจริงๆ

แต่แม้ว่าจะชื่นชอบยังไงก็ตาม โดยส่วนตัว ก็ยังมีอยู่ 2 จุดหลักๆ ที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ คือ

1. ตัวละครสมทบเยอะมาก (และทุกตัวก็มีบทบาทที่สำคัญทั้งนั้น) ซึ่งด้วยความที่ไม่คุ้นชื่อแบบภาษาเกาหลีอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ในหลายๆ ฉากก็ตามไม่ทันเหมือนกันนะว่ากำลังหมายถึงใคร

2. ตั้งแต่ต้นเรื่อง ซีรีส์ได้พูดถึงเรื่องการตรวจสอบทางหลักวิทยาศาสตร์ที่จะสามารถตรวจสอบ DNA ของทารกในครรภ์ได้ว่า เด็กที่จะคลอดออกมามีพันธุกรรมที่มีโอกาสจะเป็นฆาตกรโรคจิตฆ่าต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า ไซโคพาธ (Psychopaths) โดยที่ผลของการตรวจนั้นมีถึง 99% เลยที่ยืนยันว่าเด็กมีพันธุกรรมไซโคพาธแน่นอน แต่อีก 1% ที่เหลือนั้นหมายถึงว่าเด็กมีโอกาสที่จะเป็นอัจฉริยะ

ซึ่งประเด็นนี้ในข้อ 2 นี่เองที่แมวคิดว่ายังนำมาใช้ได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักมนุษยธรรมที่ว่า เราควรจะกำจัดเค้าตั้งแต่อยู่ในท้องดีกว่าที่จะปล่อยให้เค้าเกิดมาเป็นฆาตกรหรือไม่ หรือแม้แต่ประเด็น 99% ที่จะเป็นฆาตกรกับ 1% ที่จะเป็นอัจฉริยะ ก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้งาน

อย่างไรก็ตาม ก็ยังถือว่าเป็นซีรีส์ที่จบได้อย่างสมบูรณ์ดีฮะ จบอย่างที่มันควรจะเป็นแบบในชีวิตจริง ไม่ได้จบแบบโลกสวยอย่างในละครไทย

และนอกจากซีรีส์ตอนปรกติจำนวน 20 ตอนแล้ว ทางสถานียังได้มีการจัดทำตอนพิเศษออกมาอีก 4 ตอน ที่จะช่วยขยายปมอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ได้ถูกพูดถึงในฉบับซีรีส์หลักให้กระจ่างชัดอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนั้น จึงต้องขอบอกไว้ก่อนว่า ถ้ายังดูฉบับซีรีส์ไม่จบอย่าเพิ่งมาดูทั้ง 4 ตอนพิเศษนี้ เพราะเนื้อหาจะเป็นการเฉลยปริศนาหลักๆ ของซีรีส์ชุดนี้เลย ทั้ง 4 ตอนที่ว่ามีดังนี้

Mouse: Theatrical Cut (ความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง) – เป็นการนำเนื้อเรื่องจาก Ep 1 – 17 มาตัดต่อร้อยเรียงใหม่ และเพิ่มด้วยเนื้อหาบางส่วนที่ไม่ได้มีอยู่ในซีรีส์ เพื่อสรุปเรื่องราวให้จบภายใน 2 ชั่วโมง

Mouse: The Predator Episode 1 (ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง) – เป็นการเปิดเผยทริกที่ฆาตกรใช้ในการหลอกล่อตำรวจในช่วง EP 5 ซึ่งเป็นช่วงที่ทางตำรวจจะต้องแก้ไขปริศนาของฆาตกรให้ถูกต้องและทันเวลาเพื่อช่วยเหลือ Kim Han-kook (รับบทโดย Kin Ha-eun) เด็กที่เป็นเหยื่ออีกหนึ่งรายที่ถูกจับตัวไป

Mouse: The Predator Episode 2 (ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง) – เป็นการพาย้อนกลับไปดูที่มาที่ไปของฆาตกรตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงวิธีการเลือกเหยื่อว่าเลือกอย่างไร

Mouse: The Last (ความยาวประมาณ 1 ชั่วโมง) – เป็นรายการทอล์กโชว์ที่เชิญนักแสดงหลักทั้ง 6 คนอย่าง Lee Seung-gi, Lee Hee-joon, Park Ju-hyun, Kyung Soo-jin, Ahn Jae-wook และ Jo Jae-yoon มาร่วมสัมภาษณ์พูดคุยถึงเบื้องหลังการทำงานและความรู้สึกต่างๆ ที่เกี่ยวซีรีส์ชุดนี้ และท้ายรายการก็มีการฉายฉากที่ถูกตัดออกไม่ได้นำมาใช้งาน ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมเรื่องราวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นแล้ว อีกนัยหนึ่งก็บอกจะบอกกับคนดูว่า ยังนะยัง เรื่องราวจริงๆ มันยังไม่จบแค่นี้นะ อยากดูต่อมั้ย เชียร์เรา (ฮาๆๆๆ อันนี้แมวคิดเองนะฮะ) หรืออาจจะเป็นเพียงแค่ปริศนาปลายเปิดที่ต้องการให้คนดูไปคิดต่อกันเองเท่านั้นไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

สรุป >> ให้ไปเลย 9 เต็ม 10 ไม่เหมาะสำหรับคนที่กำลังจิตตกนะฮะ เพราะซีรีส์มีทั้งภาพความรุนแรง และฉากดราม่าหดหู่สะเทือนอารมณ์อยู่เยอะ


อธิบายเกี่ยวกับไซโคพาธเพิ่มเติมเล็กน้อย (ในซีรีส์ไม่ได้มีการอธิบายเอาไว้อย่างชัดเจน)
ไซโคพาธ (Psychopaths) เป็นส่วนหนึ่งของอาการโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม (Antisocial Personality Disorder) ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองส่วนหน้าที่เรียกว่าส่วนอะมิกดะลา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจากพันธุกรรมและการเกิดอุบัติเหตุทางสมอง

ผู้ป่วยทางจิตประเภทไซโคพาธ มีโอกาสที่จะมีพฤติกรรมความรุนแรงซ้ำๆ จนนำไปสู่การก่ออาชญากรรมได้ในที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมจะตอบสนองความต้องการของตนโดยไม่สนใจสังคม ขาดความเห็นใจผู้อื่น ขาดความสำนึกผิด ความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัว ขาดความยับยั้งชั่งใจ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง

นอกจากนี้ไซโคพาธยังอาจเกิดขึ้นได้จากการเลี้ยงดู ซึ่งเป็นสาเหตุทางด้านจิตใจและสังคมที่มักพบว่าเกิดจากการถูกกระทำทารุณกรรมในวัยเด็ก การถูกเลี้ยงดูแบบละเลยเพิกเฉย อาชญากรรมในครอบครัว ความแตกแยกในครอบครัว สภาพสังคมรอบตัวที่โหดร้าย

ฝากรีวิวเรื่องอื่นๆ ด้วยนะฮะ คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย

Exit mobile version