[รีวิว] Slam Dunk การ์ตูนบ้าพลังที่จะทำให้อะดรีนาลีนของคุณพลุ่งพล่าน [Manga]

[Review] Slam Dunk [1990-1996]

Slam Dunk มังงะแนวกีฬาที่พูดถึงวงการกีฬาบาสเกตบอลระดับชั้นมัธยมปลายของญี่ปุ่น ผลงานของอาจารย์ Takehiko Inoue ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Weekly Shōnen Jump

ฉบับภาษาไทย ดูแลลิขสิทธิ์และจัดจำหน่ายโดย NED Comics (สำนักพิมพ์เนชั่น) มีพิมพ์ออกมาแล้วถึง 4 เวอร์ชั่นด้วยกันคือ
– ฉบับพิมพ์แรก ขนาดพ็อกเกตบุ๊คไซส์ปรกติ มีจำนวน 31 เล่มจบ
– ฉบับรีปริ้นท์ พิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นไซส์ Big Book มีจำนวน 24 เล่มจบ
– ฉบับรีปริ้นท์ พิมพ์ครั้งที่ 3 เป็นพ็อคเกตบุ๊คไซส์ปรกติเท่าฉบับพิมพ์แรก แต่มีความหนากว่า (เทียบเท่าจำนวนประมาณ 1.5 เล่มของพิมพ์แรก) จึงมีจำนวน 20 เล่มจบ แต่ที่พิเศษกว่าคือ ภาพปกและภาพเปิดเล่มเป็นการวาดขึ้นมาใหม่ทุกเล่มโดยอาจารย์ Takehiko Inoue เริ่มเปิดให้มีการพรีออเดอร์ในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.2562
– ฉบับรีปริ้นท์ พิมพ์ครั้งที่ 4 เป็นการนำฉบับ Big Book พิมพ์ครั้งที่ 2 มารีปริ้นท์ใหม่ โดยเปลี่ยนประเภทของกระดาษเป็นแบบ Green Read และมีหน้าสีตามต้นฉบับของญี่ปุ่น (แต่ใช้ปกเดิม) มีจำนวน 24 เล่มจบ โดยเริ่มมีการให้พรีออเดอร์ในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.2565

สแลมดังก์ เป็น 1 ในการ์ตูนที่ได้รับการยอมรับจากทั่วญี่ปุ่นว่า เป็นการ์ตูนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ในการหันมาสนใจกีฬาบาสเกตบอล โดยอาจารย์ อิโนอุเอะ ยังได้รับการยกย่องเป็นพิเศษจากสมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศญี่ปุ่นที่สามารถช่วยวงการบาสเกตบอลในญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมากขึ้น

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ว่าด้วยเรื่องราวของ Hanamichi Sakuragi เด็กหนุ่มหัวแดงนักเลงโตที่ไม่เคยจีบหญิงคนใดติดเลยมาตั้งแต่สมัยชั้นมัธยมต้น โดยในช่วง 3 ปีสุดท้ายของชีวิตวัยเรียนในชั้นมัธยมปลาย เขาตั้งมั่นเอาไว้ว่าจะต้องจีบหญิงให้ติดให้ได้

ในปีแรกที่เขาย้ายมาเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายในโรงเรียนโชโฮคุ เขาได้พบกับ Haruko Akagi เด็กสาวหน้าตาน่ารักรุ่นเดียวกันกับเขา ซึ่งทุกครั้งที่ ฮารุโกะ ได้พบเจอกับ ซากุรางิ เธอไม่เคยแสดงอาการหวาดกลัวหรือรังเกียจเขาเหมือนกับที่เด็กผู้หญิงคนอื่นๆ เป็น นั่นเองจึงทำให้ ซากุรางิ ได้ตกหลุมรัก ฮารุโกะ เข้าอย่างจัง เขาจึงตั้งเป้าหมายว่าจะต้องจีบและสารภาพรักกับ ฮารุโกะ ให้ได้ก่อนชีวิตนักเรียนมัธยมปลายจะจบลง

ด้วยความที่ ฮารุโกะ มีความชื่นชอบในกีฬาบาสเกตบอล ซากุรางิ จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะเข้าชมรมบาสของโรงเรียนโชโฮคุให้ได้ แต่จะทำยังไงดีล่ะ ในเมื่อเขาไม่เคยรู้จักกีฬาบาสเกตบอลมาก่อนเลย แต่ดันไปคุยอวดให้ ฮารุโกะ ฟังซะแล้ว

เรื่องฮาๆ จึงได้เริ่มต้นขึ้น เขาจะต้องพยายามฝึกฝีมือของตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของคนในชมรมบาสเกตบอล และแสดงฝีมือในสนามให้ ฮารุโกะ ประทับใจให้ได้

ความรู้สึกหลังอ่านจบ
พูดได้เต็มปากเลยว่า นี่คือ 1 ในการ์ตูนเกี่ยวกับบาสเกตบอลที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งลายเส้นและเนื้อเรื่อง ถ่ายทอดออกมาได้ทรงพลังมากๆ จึงไม่แปลกในเลยที่การ์ตูนเรื่องนี้ จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน ได้หันมาสนใจในกีฬาบาสเกตบอล

ตัวละครทุกตัวมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองทุกตัว แม้กระทั่งตัวประกอบเองก็ตาม ในส่วนของเนื้อเรื่องก็มีทั้งสาระ, ความมุ่งมั่น, ความไม่ย่อท้อ, และความตลกโปกฮา ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และที่สำคัญฉากการแข่งขันบาสเกตบอลก็ถ่ายทอดออกมาได้สนุกมากๆ เดือดสุดๆ

เป็นการ์ตูนที่ค่อนข้างจะมีความสมจริงมากๆ ไม่มีท่าไม้ตายพิสดาร ไม่มีการปล่อยแสงใดๆ และไม่ได้มีความเป็นพระเอกจ๋าอะไรเลย จึงทำให้เราอินกับเนื้อเรื่องที่นำเสนอมาได้อย่างง่ายๆ แม้จะไม่ใช่คนที่รู้จักกีฬาบาสเกตบอลมาก่อน (คือคนอ่านสามารถทำความรู้จักและเรียนรู้กีฬาชนิดนี้ไปได้พร้อมๆ กับเจ้า ซากุรางิ ได้เลย)

ในด้านของตัวละครนั้น เนื่องจากอาจารย์ อิโนะอุเอะ มีความชื่นชอบและคลั่งไคล้ในกีฬาบาสเกตบอล NBA อยู่แล้ว จึงทำให้การออกแบบตัวละครหลายๆ ตัว อาจารย์ได้นำเอาคาแรคเตอร์ของนักกีฬา NBA หลายๆ คนมาเป็นต้นแบบ เช่น ซากุรางิ น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Dennis Rodman นักบาสเกตบอลตัวแสบ ผู้เล่นในตำแหน่ง Power Forward แห่งทีม Chicago Bulls หรือ Kaede Rukawa ผู้เล่น MVP ตัวฉกาจของทีมโชโฮคุ ก็น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Michael Jordan สุดยอดนักบาสเกตบอลในตำนานแห่งทีม Chicago Bulls หรืออย่างตัวของกัปตันทีมโชโฮคุ Takenori Akagi ก็น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจาก Patrick Ewing 1 ในยอดผู้เล่นตำแหน่ง Center ของยุค 90 แห่งทีม New York Knicks เป็นต้น

สรุป >> ให้ไป 9.5 เต็ม 10 เลยฮะ ใครที่ชื่นชอบการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬา หรือ สนใจในกีฬาบาสเกตบอล ควรที่จะต้องหามาอ่านเลยฮะ ทั้งสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ และโคตรฮาเลยฮะ แถมยังได้แรงบันดาลใจอะไรอีกมากมายเลยฮะ แต่ขอหัก 0.5 คะแนน เพราะรู้สึกว่าเรื่องราวเหมือนถูกตัดจบยังไงก็ไม่รู้ เพราะถึงแม้ตัวอาจารย์ อิโนะอุเอะ จะออกมาให้สัมภาษณ์เองว่า การจบแบบนี้เป็นการตัดสินใจของตัวอาจารย์เอง อาจารย์ให้สัมภาษณ์ประมาณว่า ขอเลือกที่จะจบในขณะที่การ์ตูนยังขายได้ ดีกว่าขายไม่ได้แล้วถูกสำนักพิมพ์สั่งให้จบ แล้วตัวอาจารย์เองก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะเขียนเรื่องราวต่อจากนี้ให้สนุกขึ้นไปอีกได้อย่างไร (แบบนี้จะเรียกว่าหมดแพซชั่นได้มั้ยนะ)

---

และหลังจากที่ฉบับมังงะจบไปเป็นเวลากว่า 26 ปี ในที่สุดก็ได้มีการนำเนื้อเรื่องส่วนหนึ่งของมังงะมาดัดแปลงสร้างใหม่เป็นอนิเมะมูฟวี่ชื่อเรื่อง The First Slam Dunk โดยมีกำหนดการเข้าฉายคือวันที่ 3 ธันวาคม 2022 ในประเทศญี่ปุ่น

ส่วนในบ้านเรามีโปรแกรมเข้าฉายในรอบพิเศษวันที่ 18, 25 และ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 และรอบฉายปรกติเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2566 (เฉพาะในโรงภาพยนตร์เครือ Major Group เท่านั้น)

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ