[Review] Yu Yu Hakusho (คนเก่งฟ้าประทาน) [2023]
Yu Yu Hakusho (คนเก่งฟ้าประทาน) ฉบับคนแสดงที่เป็น Original Netflix Series โดยดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเรื่องเดียวกันของอาจารย์ Yoshihiro Togashi ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1990 – 1994 โดยมังงะเรื่องนี้จัดว่าเป็น 1 ในมังงะดังแห่งยุค 90 เลยทีเดียว ซึ่งในบ้านเราก็เคยมีพิมพ์เป็นฉบับแปลไทยออกมามากมายตั้งแต่ยุคสำนักพิมพ์เถือ่นจนมาถึงยุคลิขสิทธิ์ที่ถือลิขสิทธิ์โดยสำนักพิมพ์ Siam Inter Comics (ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันลิขสิทธิ์ยังอยู่กับสำนักพิมพ์นี้หรือเปล่านะฮะ) และด้วยความที่มีพิมพ์ฉบับแปลไทยออกมามากมาย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงมีชื่อเรื่องภาษาไทยหลากหลายชื่อเลยทั้ง คนเก่งฟ้าประทาน, คนเก่งทะลุโลก และ ผีไม่ใช่ผี เป็นต้น
นอกจากนี้ก่อนที่จะถูกนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ฉบับคนแสดงนี้ การ์ตูนเรื่องนี้ยังเคยถูกดัดแปลงเป็นทั้งวิดีโอเกมและอนิเมะด้วย โดยตอนนี้สามารถเข้าไปรับชมฉบับอนิเมะกันได้ทาง Netflix นะฮะ
ดูแลงานสร้างโดย Akira Morii, Kazutaka Sakamoto
เขียนบทโดย Tatsurō Mishima (เคยฝากผลงานการเขียนบท Live Action อย่าง ZOM 100: Bucket List of the Dead มาก่อนหน้านี้)
กำกับโดย Shō Tsukikawa (เคยฝากผลงานกำกับเรื่อง Let Me Eat Your Pancreas (ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ) มาก่อนหน้านี้)
นำแสดงโดย
Takumi Kitamura (จากภาพยนตร์เรื่อง Let Me Eat Your Pancreas และ Tokyo Revengers) รับบทเป็น Yusuke Urameshi
Shuhei Uesugi (จากภาพยนตร์เรื่อง Shin Kamen Rider) รับบทเป็น Kazuma Kuwabara
Jun Shison (จากซีรีส์เรื่อง Ressha Sentai ToQger และภาพยนตร์เรื่อง High & Low: The Worst) รับบทเป็น Kurama
Kanata Hongō (จากภาพยนตร์เรื่อง Gantz, Attack on Titan, Inuyashiki และ Kingdom) รับบทเป็น Hiei
Sei Shiraishi (จากซีรีสืเรื่อง I”s และ Fermat’s Cuisine) รับบทเป็น Keiko Yukimura
Kotone Furukawa (จากซีรีส์เรื่อง Dou Suru Ieyasu และ Pending Train) รับบทเป็น Botan
Ai Mikami (จากซีรีส์เรื่อง Liar และ Is Love Sustainable?) รับบทเป็น Yukina
Hiroya Shimizu (จากภาพยนตร์เรื่อง Sadako และ Tokyo Revengers) รับบทเป็น Karasu
Keita Machida (จากซีรีส์เรื่อง Alice in Borderland และ ภาพยนตร์เรื่อง High & Low) รับบทเป็น Koenma
Meiko Kaji (จากซีรีส์เรื่อง What Did You Eat Yesterday?) รับบทเป็น Genkai
Ayumi Ito (จากภาพยนตร์เรื่อง Gantz) รับบทเป็น Atsuko Urameshi
Kenichi Takitō (จากภาพยนตร์เรื่อง Rurouni Kenshin และ Terra Formars) รับบทเป็น Older Toguro
Go Ayano (จากภาพยนตร์เรื่อง Gantz, Rurouni Kenshin และ Ajin: Demi-Human) รับบทเป็น Younger Toguro
Goro Inagaki (จากภาพยนตร์เรื่อง 13 Assassins) รับบทเป็น Sakyo
รับชมได้ทาง Netflix มีจำนวนทั้งหมด 5 ตอน
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ อุราเมชิ ยูสุเกะ นักเรียนนักเลงที่ใครๆ ในโรงเรียนต่างก็เกรงกลัว มีเพียงแค่ เคโกะ เพื่อนสาวตั้งแต่วัยเด็กเพียงคนเดียวที่รู้ว่าภายในจิตใจลึกๆ ของ ยูสุเกะ มีความอ่อนโยน, รักความถูกต้องและไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครๆ คิด
วันหนึ่ง ยูสุเกะ ต้องเสียชีวิตลงจากการเข้าไปช่วยเหลือเด็กน้อยคนหนึ่งจะอุบัติเหตุรถชน แต่ ยูสุเกะ ก็ได้รับการติดต่อจาก โบตั๋น สาวน้อยยมฑูตผู้นำทางวิญญาณสู่ปรโลก ว่าตัวเขานั้นได้รับโอกาสจาก ท่านโคเอ็นม่า ลูกชายของพญามัจจุราชให้ฟื้นคืนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยแลกกับการที่เขาต้องเป็นนักสืบโลกวิญญาณเพื่อทำหน้าที่คอยดูแลและแก้ไขคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของเหล่าปีศาจร้ายที่หลุดรอดหนีออกมาจากโลกปีศาจมายังโลกมนุษย์ได้
ยูสุเกะ จึงตัดสินใจที่จะรับเงื่อนไขนี้ พร้อมกับการที่จะต้องฝึกฝนการควบคุมพลังวิญญาณเพื่อใช้ในการต่อสู้และจับกุมเหล่าปีศาจร้ายกลับคืนสู่โลกปีศาจ
ความรู้สึกหลังดูจบ
เป็นการเติมเต็มความฝันให้กับเหล่าเด็กหนวดยุค 90 ที่โตมากับการ์ตูนเรื่องนี้จริงๆ ฮะ อะไรที่เป็นไฮไลท์สำคัญๆ เค้าจัดมาให้เราได้เห็นกันแบบเต็มๆ เลยทั้ง ท่ากระสุนวิญญาณ, ดาบพลังวิญญาณ, ร่างปีศาจจิ้งจอกของ คุรามะ, คลื่นเพลิงมังกรทมิฬ และร่างปีศาจระดับ 100% ของ โทงุโร่คนน้อง
แอ็คชั่นอย่างเดือด หนักแน่นและรุนแรงมาก ดูแล้วนึกถึงฉากแอ็คชั่นแบบในเรื่อง Rurouni Kenshin (ซามูไรพเนจร) เลย (ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะคิวบู๊ของเรื่องนี้ได้ Ôuchi Takahito ที่เคยฝากผลงานกำกับคิวบู๊ไว้ในเรื่อง Rurouni Kenshin มาเป็นผู้ดูแล) แถมมุมกล้องในช่วงฉากแอ็คชั่นทั้งหลายก็ยังดีงามอีกต่างหาก
โลเคชั่นดูแปลกตาดีฮะ ไม่เคยเห็นหนังหรือซีรีส์ญี่ปุ่นที่ใช้โลเคชั่นแนวนี้เลย (แม้แต่ในซีรีส์คาเมนไรเดอร์ก็ไม่เคยเห็น) จะว่าไปก็คล้ายๆ โลเคชั่นแบบที่หนังฝรั่งเลือกใช้เวลามาถ่ายหนังในบ้านเราอ่ะฮะ
ตอนเห็นดาบพลังวิญญาณของ คุวาบาร่า ปรากฏครั้งแรกนี่ถึงกับขนลุกเลยฮะ ซีนนี่ทรงพลังมาก และตอนที่เห็นกระสุนคลื่นวิญญาณของ ยูสุเกะ นี่ก็ทำให้นึกอยากเห็นพลังคลื่นเต่าสะท้านฟ้าขึ้นมาเลย (อยากให้ Netflix เอา ดรากอนบอล มาทำมั่งจัง)
ด้วยความที่ต้นฉบับมังงะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ภาค ซึ่งฉบับคนแสดงนี้มีการดัดแปลงโดยการหยิบเอาโครงเรื่องหลักจากภาค 1 (ภาคนักสืบโลกวิญญาณ) มายำกับโครงเรื่องหลักของภาค 3 (ภาคโลกมืด) อีกนิดหน่อย แล้วย่อยให้เหลือเพียงแค่ 5 ตอน (เฉลี่ยตอนละ 1 ชั่วโมง) แต่แม้ว่าโครงเรื่องหลักจะหยิบมาจากภาค 1 และ 3 แต่ในรายละเอียดอื่นๆ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของซีซั่นก็ได้หยิบเอาองค์ประกอบหลายๆ อย่าง รวมถึงตอนจบของซีซั่นนี้มาจากมังงะภาค 2 (ภาคงานประลองแห่งโลกมืด) มาใช้งาน
ดังนั้นสิ่งที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้เลยก็คือ ทีมผู้สร้างต้องตัดรายละเอียดเรื่องราวในหลายๆ ช่วงออกไปรวมถึงการยำใหญ่เนื้อเรื่องทั้งหมดให้จบลงภายในเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง และนั่นจึงกลายเป็นเหมือนจุดด้อยของซีรีส์ชุดนี้ เพราะมันทำให้เราไม่ได้เห็นถึงพัฒนาการและความสัมพันธ์ของตัวละครต่างๆ ที่เป็นเหมือนสาระสำคัญของเรื่องนี้ เช่น การตัดรายละเอียดในช่วงการเข้าไปฝึกวิชากับ อาจารย์เก็นไค ของ ยูสุเกะ และ คุวาบาร่า ไป ก็ทำให้เราไม่ได้เห็นการพัฒนาของทั้งพลังและความสัมพันธ์ของ 2 ตัวละครนี้ เป็นต้น
เชื่อว่าหากทำซีรีส์เรื่องนี้ออกมาเป็นจำนวน 8 – 10 ตอนเหมือนซีรีส์เรื่องอื่นๆ รวมถึงเลือกตอนจบแบบที่ควรจะเป็นในมังงะภาค 1 แล้วเอาตอนจบนี้ไปว่ากันต่อในซีซั่น 2 น่าจะช่วยให้ได้อรรถรสมากกว่านี้นะฮะ
และด้วยความที่เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนต้นยุค 90 ฉะนั้น จึงมีเรื่องราวในหลายๆ จุดที่ดูแล้วอาจจะดูเชยๆ ไปหน่อย อย่างเช่น พลังแห่งมิตรภาพ เป็นต้น ดังนั้นหากคนยุคหลังปี 2000 มาดู ก็อาจจะไม่ค่อยอินกับอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่สำหรับเด็กหนวดยุค 80-90 นี่พูดได้เต็มปากเลยว่าสนุกมาก (โดยเฉพาะกับคนที่เป็นแฟนฉบับมังงะหรือดูอนิเมะมาก่อนตั้งแต่ในวัยเด็ก)
สำหรับสิ่งที่ไม่ชอบที่สุดเลยก็เห็นจะเป็นเรื่องของแคสนักแสดงนี่แหละฮะ ที่ดูแปลกๆ ไปหน่อย ไม่ใช่ว่านักแสดงแสดงไม่ดีนะฮะ นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ได้ดีเลย เพียงแต่ว่าคอสตูมและการเมคอัพต่างๆ มันดูแปลกๆ คือคงตั้งใจให้ใกล้เคียงกับในการ์ตูนแหละ มันก็เลยดูแปลก แต่ก็ใช่ว่าจะแย่ไปซะหมดนะฮะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วที่ชอบมากเป็นพิเศษเลยสำหรับเรื่องนี้ก็คือ Shuhei Uesugi ที่ทำให้ตัวละคร คุวาบาร่า ดูหล่อและเท่ห์กว่าในต้นฉบับมากและ Kotone Furukawa ที่ถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของ โบตั๋น ออกมาได้น่ารักและมีเสน่ห์มากๆ
งาน CG โดนรวมก็ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว จะมีที่ไม่ชอบก็ตรงจุดเดียวคือ ร่างอัพพลัง 30% ของ โทงุโร่คนน้อง ดูแปลกๆ ปลอมๆ ไปหน่อย
สรุป >> ให้ไป 7 เต็ม 10 ละกันฮะ เป็นงาน Live Action ที่ทำออกมาค่อนข้างถูกใจคอการ์ตูนยุค 90 โดยเฉพาะกับแฟนการ์ตูนเรื่องนี้เลยฮะ งานแอ็คชั่นดุเด็ดเผ็ดมันส์มาก แต่เพราะการยุบรวมเนื้อหาจากมังงะ 3 ภาคออกมาเป็นซีรีส์ 5 ตอนจึงทำให้สูญเสียสาระสำคัญและตัวละครเท่ห์ๆ อีกหลายตัวไปอย่างน่าเสียดาย