[รีวิว] All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้) ซีรีส์แนวเอาตัวรอดจากซอมบี้ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูน [Series]

[Review] All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้) [2022]

All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้) ซีรีส์สัญชาติเกาหลีใต้แนว Coming-of-Age Zombie Apocalypse Horror โดยดัดแปลงมาจากการ์ตูนที่เผยแพร่ทาง Webtoon เรื่อง Now at Our School ซึ่งเป็นผลงานของ Joo Dong-geun (สนใจอ่าน คลิกที่นี่)

เขียนบทโดย Chun Sung-il
กำกับโดย Lee Jae-hoo และ Kim Nam-su

นำแสดงโดย
Park Ji-hoo (จากภาพยนตร์เรื่อง House of Hummingbird) รับบทเป็น Nam On-jo
Yoon Chan-young (จากซีรีส์เรื่อง Doctor John และ Nobody Knows) รับบทเป็น Lee Cheong-san
Cho Yi-hyun (จากภาพยนตร์เรื่อง Metamorphosis) รับบทเป็น Choi Nam-ra
Park Solomon (จากซีรีส์เรื่อง Sweet Revenge) รับบทเป็น Lee Su-hyeok
Yoo In-soo (จากซีรีส์เรื่อง Alchemy of Souls) รับบทเป็น Yoon Gwi-nam
Lee Yoo-mi (จากซีรีส์เรื่อง Voice 2, 365: Repeat the Year และ Squid Game) รับบทเป็น Lee Na-yeon
Kim Byung-chul [จากภาพยนตร์เรื่อง R-Point, ซีรีส์เรื่อง Tunnel และซีรีส์เรื่อง Sisyphus: The Myth] รับบทเป็น Lee Byeong-chan
Jeon Bae-soo (จากภาพยนตร์เรื่อง #Alive) รับบทเป็น Nam So-ju
Im Jae-hyuk (จากซีรีส์เรื่อง Alice) รับบทเป็น Yang Dae-su
Kim Bo-yoon (จากซีรีส์เรื่อง Ms. Hammurabi, At Eighteen และ Good Casting) รับบทเป็น Seo Hyo-ryung
Ahn Seung-gyun (จากซีรีส์เรื่อง 365: Repeat the Year) รับบทเป็น Oh Joon-young
Ham Sung-min (จากซีรีส์เรื่อง Sweet Home) รับบทเป็น Han Gyeong-su
Ha Seung-ri (จากซีรีส์เรื่อง Search: WWW และ The King: Eternal Monarch) รับบทเป็น Jang Ha-ri
Lee Eun-saem (จากซีรีส์เรื่อง Priest) รับบทเป็น Park Mi-jin
Ahn Ji-ho (จากซีรีส์เรื่อง The Veil) รับบทเป็น Kim Chul-soo
Jung Yi-seo (จากภาพยนตร์เรื่อง Parasite) รับบทเป็น Kim Hyeon-ju
Oh Hee-joon (จากซีรีส์เรื่อง 365: Repeat the Year และ Through the Darkness) รับบทเป็น Son Myung-hwan
Yoon Kyung-ho (จากซีรีส์เรื่อง Voice Season 1 และ My Name) รับบทเป็น Jung Yong-nam
Woo Ji-hyun (จากซีรีส์เรื่อง Mouse) รับบทเป็น Kim Woo-shi
Bae Hae-sun (จากซีรีส์เรื่อง Alice และ Happiness) รับบทเป็น Park Eun-hee

รับชมได้ทางช่อง Netflix มีจำนวนทั้งหมด 12 ตอน

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ อีบยองชาน ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ของโรงเรียนมัธยมปลายฮโยซัน ได้ทำการทดลองคิดค้นสารกระตุ้นชนิดหนึ่งขึ้นมา เพื่อหาทางช่วยเหลือ อีจินซู ลูกชายของเขาที่มักจะถูกเพื่อนในโรงเรียนรังแกบ่อยๆ จนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย ให้แข็งแกร่งขึ้นและกล้าที่จะเผชิญหน้าเข้าต่อสู้กับเด็กเกเรทั้งหลายให้ได้

แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อยากระตุ้นที่เขาสร้างขึ้นมา ได้เปลี่ยน จินซู ให้กลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด แต่ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อ จินซู ยังคลุ้มคลั่งอาละวาดจนกัดแม่ตัวเอง ซึ่งเพียงไม่นานก็ทำให้คุณแม่ที่โดนกัดนั้นติดเชื้อและเกิดอาการคลุ้มคลั่งแบบเดียวกับ จินซู

อีบยองชาน จึงพยายามหาวิธีที่จะควบคุมอาการคลุ้มคลั่งนี้ให้ได้ และในระหว่างที่เขาพยายามหาวิธีที่จะควบคุมอาการคลุ้มคลั่งอยู่นั้น หนูทดลองของเขาได้ไปกัดเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งเข้า

และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของการระบาดของเชื้อไวรัสที่เปลี่ยนคนให้กลายเป็นนซอมบี้ชนิดที่ไม่อาจจะควบคุมได้อีกต่อไป

ความรู้สึกหลังดูจบ
สนุกเลยฮะ ตื่นเต้นและลุ้นระทึกตลอดเวลา ซึ่งใครที่ชอบหนังหรือซีรีส์แนวเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้แล้วอยากจะเห็นฉากวิ่งหนีซอมบี้หรือซอมบี้ไล่กัดคนเยอะๆ ก็น่าจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยากฮะ เพราะฉากซอมบี้ไล่ล่ามีตลอดทั้งเรื่องทุกตอน ได้ดูกันจุใจเต็มอิ่มแน่นอนฮะ และบทสนทนาก็ไม่ได้รู้สึกว่าเยิ่นเย้อจนน่าเบื่อ

สิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับหนัง/ซีรีส์แนวซอมบี้ ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้สัญชาติใดก็ตาม นั่นก็คือการวิพากษ์เสียดสีจิกกัดสังคม และสำหรับซีรีส์ชุดนี้ก็เช่นกันฮะ มีการพยายามสอดแทรกการวิพากษ์สังคมอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ผ่านบทสนทนาและการกระทำของตัวละครต่างๆ ซึ่งก็ดูเหมือนจะมุ่งไปที่เรื่องของสังคมการศึกษาและการเมืองเป็นหลัก รวมถึงความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ทั้งหลาย เพียงแต่ว่าประเด็นต่างๆ ที่ว่ามามันไม่ได้เข้มข้นจนกลายเป็นหนังวิพากษ์สังคมแบบจัดเต็มเท่าไรนัก ดังนั้น คนที่ไม่ชอบอะไรเครียดๆ แบบการวิพากษ์สังคมก็จะสามารถดูซีรีส์เรื่องนี้ในแง่ของความบันเทิงได้อย่างสนุกเลยทีเดียว

แต่จุดหนึ่งเลยที่รู้สึกว่าซีรีส์ชุดนี้ยังขาดอยู่ คือความดราม่าแบบจัดหนัก ทั้งๆ ที่ตลอดทั้งเรื่องนั้น ได้มีการปูปูมหลังของตัวละครต่างๆ ไว้อย่างดี มีวัตถุดิบเหลือเฟือให้เล่น แต่ผลที่ได้คือ ไม่สามารถดึงปมประเด็นดราม่าต่างๆ ออกใช้งานให้มีประสิทธิภาพได้ ดังนั้น ในหลายๆ ซีนที่มีตัวละครตาย มันจึงไม่สามารถกระชากอารมณ์ของคนดูให้ดิ่งลงไปพร้อมกับตัวละครได้ (ซึ่งถ้าใครได้ตามซีรีส์ซอมบี้สุดฮิตอย่าง the Walking Dead โดยเฉพาะในช่วง 3 ซีซั่นแรกน่าจะพอเข้าใจอารมณ์นี้ดีนะฮะ) อีกทั้งยังมีตัวละครอีกหลายตัวที่เหมือนจะมีบทบาทสำคัญ แต่สุดท้ายก็ “อิหยังวะ

มาว่ากันถึงตัวละครที่สร้างความน่ารำคาญให้กับคนดูกันบ้าง ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมของหนัง/ซีรีส์แนวนี้ไปแล้วว่าจะต่องมีตัวตัวละครประเภทที่น่ารำคาญและเห็นแก่ตัว ที่ทำให้คนดูเกลียดและลุ้นเอาใจช่วยให้ตายไปไวๆ นั้น ซึ่งสำหรับในซีรีส์ชุดนี้ก็ไม่พลาดที่จะใส่ตัวละครทำนองที่ว่านี้มาด้วย แต่ถ้ามองให้ลึกๆ แล้วจะสัมผัสได้ว่า แม้จะมีบางตัวละครที่ดูแล้วทำให้มีความรู้สึกอึดอัดและรำคาญไปกับตรรกะความคิดและการกระทำอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่สมเหตุสมผลนั้น โดยส่วนตัวมองว่ากลับมองว่า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไรนัก เพราะอย่าลืมว่า ตัวละครเหล่านั้นยังเป็นเพียงแค่เด็กมัธยมปลายเท่านั้น แถมบางตัวละครก็ดูเหมือนจะยังไม่เคยเผชิญความโหดร้ายของโลกใบนี้มาเลย และด้วยเหตุการณ์ในเรื่องนั้น น่าจะเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจไปนะฮะ ว่าทำไมตัวละครแต่ละตัวมันไม่มีพัฒนาการทางความคิดกันมั่งเลยวะ

และถึงแม้จะได้ชื่อภาษาไทยว่า มัธยมซอมบี้ ที่มีตัวละครหลักเป็นเด็กชั้นมัธยมปลาย แต่เรื่องราวในซีรีส์ก็ไม่ได้เกิดเฉพาะในโรงเรียนมัธยมเท่านั้น เพราะสถานการณ์ยังบานปลายจนครอบคลุมไปจนถึงระดับเมืองกันเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้มีหลายๆ ช่วงที่มีการพาคนดูออกมาเจอกับสถานการณ์นอกโรงเรียนด้วย ซึ่งข้อดีก็คือช่วยให้คนดูไม่รู้สึกเบื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นของตัวละครเดิมๆ แต่จุดหนึ่งมันก็กลายเป็นข้อเสียไปได้เหมือนกัน เพราะซีรีส์กลับไม่ได้เล่าเรื่องราวของเหตุการณ์นอกรั่วโรงเรียนอะไรมากนัก จึงทำให้ตัวละครหลายๆ ตัวที่อยู่นอกรั้วโรวเรียน กลายเป็นส่วนเกินของเรื่องที่ไม่รู้จะใส่เข้ามาทำไมไปซะงั้นได้ ทั้งๆ ที่ตัวละครหลายๆ ตัวก็มีประสิทธิภาพพอที่จะไปโฟกัสกับมันได้เหมือนกันนะ

และสุดท้าย ในเมื่อเลือกที่จะจบแบบทิ้งปมไว้แบบนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นการปูเรื่องราวใหม่ใหม่เพื่อไปต่อในซีซั่น 2 อย่างแน่นอน ก็อยู่ที่ว่าซีรีส์จะประสบความสำเร็จมากพอที่จะได้รับไฟเขียวให้สร้างต่อหรือเปล่านะฮะ

All of Us Are Dead (มัธยมซอมบี้) [2022]

สรุป >> ให้ไป 7.5 เต็ม 10 นะฮะ สนุกใช้ได้เลยฮะ โดยเฉพาะกับฉากที่ต้องหนีเอาตัวรอดจากเหล่าซอมบี้ทั้งหลายที่ทำออกมาน่าตื่นเต้น และลุ้นระทึกดีเลยฮะ เพียงแต่ว่ายังขาดความกลมกล่อมในการนำเสนอในส่วนของดราม่าและการวิพากษ์สังคมอย่างที่มันควรจะเป็น

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ