[รีวิว] Supernatural ซีรีส์แนวปราบผีที่ลากมาจนสู้กับพระเจ้า [Series]

[REVIEW] Supernatural (ล่าปริศนาเหนือโลก) [2005 – 2020]

Supernatural (ล่าปริศนาเหนือโลก) ทีวีซีรีส์แนว Action-Fantasy-Horror สุดฮิตที่เริ่มออนแอร์ตอนแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2005 และออนแอร์ตอนสุดทายเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 จากผลงานการสร้างสรรค์ของ Eric Kripke และมี McG นั่งแท่นเป็น Executive Producer ร่วมกับ Eric Kripke (ล่าสุดในปี 2019 ก็ได้ไปคุมโปรเจคซีรีส์ The Boys ให้กับทาง Amazon Prime Video) และ Robert Singer

มีจำนวนทั้งหมด 15 Season (รวม 327 ตอน) สามารถรับชมได้ทาง Prime Video (แต่น่าเสียดายที่ไม่มีทั้งพากยืไทยและซับไทยนะฮะ)

เรื่องย่อ/เนื้อเรื่อง
เรื่องราวของ 2 พี่น้องวินเชสเตอร์ Dean Winchester (นำแสดงโดย Jensen Ackles ที่ล่าสุดในปี 2022 ก็ได้ไปโผล่รับเชิญในบทของ Soldier Boy ของซีรีส์ The Boys Season 3) และ Sam Winchester (นำแสดงโดย Jared Padalecki) ที่ออกตามล่าปราบภูติ ผี และปีศาจร้าย โดยจุดประสงค์คือ การตามหาปีศาจตาเหลือง ที่สังหารแม่ของพวกเขา ซึ่งนั่นคือ “พล็อต” เรื่องหลักของซีซั่นแรกๆ แต่ในซีซั้นหลังๆ นั้น หลังจากภารกิจหลักหนึ่งจบลง ก็จะตามมาด้วยภารกิจใหม่ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องราวในแต่ละซีซั่นก็เดินหน้าออกไปจากจุดเริ่มต้นไกลโขเลยทีเดียว (ไปไกลถึงขั้นสงครามระหว่างสวรรค์-นรก, การต่อสู้ของจอมเทพมิคาเอลและลูซิเฟอร์ แม้กระทั่งลามไปถึงการต่อสู้กับพระเจ้าเลยทีเดียว)

ธีม” ของเรื่อง จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือแบบที่เป็น “พล็อตหลัก” และแบบ “จบในตอน

  • ในส่วนของ “พล็อตหลัก” จะเริ่มต้นตั้งแต่การออกเดินทางของ 2 พี่น้องวินเชสเตอร์เพื่อตามล่าปีศาจที่ฆ่าแม่ของพวกเขา จนกระทั่งได้เข้าไปพัวพันกับการต่อสู้กับยมฑูต, เทวดา, ลูซิเฟอร์, เทวดา และลากมาจนถึงการต่อสู้กับพระเจ้า
  • ในส่วนของ “จบในตอน” จะเป็นการนำเอาเรื่องราวของตำนานพื้นถิ่น, เล่าเรื่องและเหตุการณ์เหนือธรรมชาติต่างๆ เช่น เรื่องของภูติ ผี ปีศาจ มาเชื่อมโยงผูกเรื่องเป็นแบบจบในตอน ซึ่งทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ สามารถทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น และลุ้นระทึกไปกับ 2 พี่น้องนี้ได้อย่างสนุกสนานมากๆ

ความรู้สึกหลังจากที่ติดตามมาอย่างยาวนาน
เริ่มต้นจากการซีรีส์แนวสืบสวน-สอบสวนและปราบภูติผีปีศาจวิญญาณร้ายจากคดีต่างๆ ในช่วงซีซั่นแรกๆ จนเปลี่ยนมาเป็นซีรีส์แนวแอ็คชั่นเต็มรูปแบบ พร้อมกับประสบการณ์การต่อสู้ต่างๆ ที่ตัวละครได้สั่งสมเอาไว้ตั้งแต่ช่วงซีซั่นแรกๆ

และเสน่ห์ของซีรีส์ชุดนี้ที่นอกเหนือจากเรื่องราวเหนือธรรมชาติแล้ว การแสดงของ Jensen Ackles และ Jared Padalecki ถือว่าลงตัวมากๆ ทั้ง 2 คนมีเคมีที่เข้ากันสุดๆ สามารถนำพาเรื่องไปได้ตลอดทุกซีซั่น ทั้งซีนอารมณ์ ทั้งซีนตลก เข้าขากันจริงๆ 

รวมถึงนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ที่ปรากฏในเรื่อง และมีส่วนสำคัญต่อเนื้อเรื่อง อย่าง Jim Beaver ที่รับบทเป็น Bobby Singer หรือ Misha Collins ที่รับบทเป็น Castiel ฑูตสวรรค์ และ Mark Sheppard ที่รับบทเป็น Crowley ปีศาจทางแยก ก็ถือเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของซีรีส์ชุดนี้ด้วยเช่นกัน

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์ชุดนี้ ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูง คือ การเขียนบท ที่มีหลากหลายอารมณ์แตกต่างกันไปในแต่ละตอน ทั้งดราม่า ทั้ง Action และโดยเฉพาะเรื่องของมุกตลก ที่ต้องยอมรับเลยว่า ฮาจริง

Supernatural (ล่าปริศนาเหนือโลก) [2005-2020]

สรุป >> ให้ไปเลย 9 เต็ม 10 ฮะ จริงๆ ก็อยากจะให้ 10 แหละ แต่เนื่องจากมีบางซีซั่น บางตอนที่ดูแล้วอืดๆ ไม่ค่อยสนุกอยู่บ้าง เป็นอีก 1 ซีรีส์ ที่แม้เนื้อเรื่องจะออกทะเลไปไกลมากแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ยังคงความสนุกและเสน่ห์ของเรื่องได้อย่างดีชวนให้ติดตามมากๆ


และด้วยกระแสความฮอตของซีรีส์ชุดนี้ ทางญี่ปุ่นจึงได้มีการหยิบเอาเรื่องราวของช่วง Season 1และ 2 มาดัดแปลงสร้างเป็นฉบับอนิเมชั่นกันเลยทีเดียว (คลิกที่นี่ เพื่ออ่านรีวิวและข้อมูลของฉบับอนิเมชั่น)

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยนะฮะ คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ