[Review] MOVING [2023]
Moving (무빙) ซีรีส์แนว Action Superhero Romantic Fantasy Supernatural สัญชาติเกาหลีใต้ที่ดัดแปลงมาจาก Webtoon ชื่อเรื่องเดียวกันของ Kang Full
เขียนบทโดย Kang Full
กำกับโดย Park In-je และ Park Yoon-seo
นำแสดงโดย
Ryu Seung-ryong (จากภาพยนตร์เรื่อง Extreme Job และซีรีส์เรื่อง Kingdom) รับบทเป็น Jang Ju-won
Han Hyo-joo (จากซีรีส์เรื่อง Dong Yi, W, Treadstone และ Happiness) รับบทเป็น Lee Mi-hyun
Zo In-sung (จากภาพยนตร์เรื่อง The Classic และ A Frozen Flower) รับบทเป็น Kim Doo-sik
Kim Sung-kyun (จากซีรีส์เรื่อง Reply 1994, Reply 1988, Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo และภาพยนตร์เรื่อง Seoul Vibe) รับบทเป็น Lee Jae-man
Lee Jung-ha (จากซีรีสืเรื่อง Nevertheless) รับบทเป็น Kim Bong-seok
Go Youn-jung (จากซีรีส์เรื่อง Alchemy of Souls และ Sweet Home) รับบทเป็น Jang Hui-soo
Kim Do-hoon (จากซีรีส์เรื่อง Dark Hole และ Here’s My Plan) รับบทเป็น Lee Gang-hoon
Cha Tae-hyun (จากภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl และ Windstruck) รับบทเป็น Jeon Gye-do
Moon Sung-keun (จากซีรีส์เรื่อง Vagabond) รับบทเป็น Min Yong-jun
Kim Shin-rok (จากซีรีส์เรื่อง Hellbound) รับบทเป็น Yeo Woon-gyu
Kim Hee-won (จากซีรีส์เรื่อง Hey Ghost, Let’s Fight และ Behind Your Touch) รับบทเป็น Choi Il-hwan
Jeon Seok-ho (จากซีรีส์เรื่อง Kingdom, 365: Repeat The Year และ The Uncanny Counter) รับบทเป็น Yoon Sung-wook
Yoo Seung-mok (จากซีรีส์เรื่อง Kingdom, Taxi Driver และภาพยนตร์เรื่อง Psychokinesis) รับบทเป็น Jo Rae-hyuk
Kim Jong-soo (จากซีรีส์เรื่อง Vagabond, Kingdom และภาพยนตร์เรื่อง Extreme Job) รับบทเป็น Hwang Ji-sung
Shin Jae-hwi (จากซีรีส์เรื่อง All of Us Are Dead และ Duty After School) รับบทเป็น Bang Ki-soo
Park Han-sol (จากซีรีส์เรื่อง Hospital Playlist) รับบทเป็น Han Byul
Shim Dal-gi (จากซีรีส์เรื่อง Hospital Playlist) รับบทเป็น Shin Hye-won
Baek Hyun-jin (จากซีรีส์เรื่อง Taxi Driver, Happiness และภาพยนตร์เรื่อง Seoul Vibe) รับบทเป็น Jung Sang-jin
Choi Deok-moon (จากซีรีส์เรื่อง He Is Psychometric และ Vincenzo) รับบทเป็น Jeon Yeong-seok
Kim Gook-hee (จากซีรีส์เรื่อง Sweet Home และ Jirisan) รับบทเป็น Hong Seong-hwa
Kwon Han-sol (จากซีรีส์เรื่อง Doona!) รับบทเป็น Ms. Kim
Park Byung-eun (จากซีรีส์เรื่อง Kingdom และ Kingdom: Ashin of the North) รับบทเป็น Ma Sang-gu
Ryoo Seung-bum (จากภาพยนตร์เรื่อง Intimate Enemies และ Tazza: One Eyed Jack) รับบทเป็น Frank
Park Hee-soon (จากซีรีส์เรื่อง My Name) รับบทเป็น Kim Deok-yun
Jo Bok-rae (จากซีรีส์เรื่อง Vampire Detective และ The Veil) รับบทเป็น Park Chan-il
Yang Dong-geun (จากซีรีส์เรื่อง 365: Repeat the Year) รับบทเป็น Jung Joon-hwa
Kim Da-hyun (จากซีรีส์เรื่อง The King and I) รับบทเป็น Bae Jae-hak
Park Kwang-jae (จากภาพยนตร์เรื่อง Kill Boksoon) รับบทเป็น Kwon Yong-deuk
Kim Joong-hee (จากซีรีส์เรื่อง Through the Darkness) รับบทเป็น Lim Jae-seok
Kwak Sun-young (จากซีรีส์เรื่อง VIP และ Hospital Playlist) รับบทเป็น Hwang Ji-hee
Lee Ho-jung (จากซีรีส์เรื่อง Nevertheless และ Jinxed at First) รับบทเป็น Yang Se-eun
รับชมได้ทางช่อง Disney+ (มีจำนวนทั้งหมด 20 ตอน)
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ คิมบงซอก, จางฮีซู และ อีคังฮัน เด็กนักเรียนชั้นมัธยมปลายโรงเรียนจองวอน ซึ่งแม้ภายนอกพวกเขาจะดูเหมือนเด็กมัธยมปลายธรรมดา แต่แท้ที่จริงแล้วพวกเขาทั้ง 3 กลับซ่อนพลังเหนือธรรมชาติเอาไว้เป็นความลับไม่ให้ใครรู้ และต่างก็พยายามใช้ชีวิตอย่างปรกติที่สุด
จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อความลับเรื่องพลังพิเศษของ อีคังฮุน ได้หลุดออกไปทั่วในสื่อโซเชียลมีเดีย จึงทำให้หน่วยงานของรัฐบาลเกาหลีเหนือส่งหน่วยทหารที่มีพลังพิเศษเข้ามาที่โรงเรียนจองวอนเพื่อดำเนินการจัดการกวาดล้างเหล่าผู้มีพลังพิเศษของฝ่ายเกาหลีใต้
ในขณะเดียวกัน แฟรงค์ ชายปริศนานักฆ่าจากฝั่งตะวันตกก็ได้รับคำสั่งให้มาสังหารเหล่าผู้มีพลังพิเศษของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ได้เกษียณอายุไปแล้ว
เหล่าผู้มีพลังพิเศษทั้งวัยรุ่นและวัยเกษียณจึงต้องพยายามต่อสู้หาทางเอาตัวรอดจากการตามล่าในครั้งนี้ให้ได้
ความรู้สึกหลังดูจบ
ซีรีส์แบ่งการเล่าเรื่องราวออกเป็น 2 พาร์ทอย่างชัดเจนคือ ช่วงยุค 90 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รุ่นพ่อ-แม่ยังเป็นหนุ่ม-สาว กับ ช่วงยุคปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงเวลาของรุ่นลูกที่อยู่ชั้นมัธยมปลาย
โดยใน 7 ตอนแรกของซีรีส์จะเป็นการเล่าเรื่องราวในช่วงของรุ่นลูกที่มาในโทนเรื่องคล้ายๆ กับแนวรักวัยรุ่นใสๆ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่ามีการเดินเรื่องที่ค่อนข้างยวบยาบไปหน่อย ยังดีที่ได้ความสดใสของน้อง ยุนจอง มาช่วยจึงทำให้สามารถดูต่อไปได้แบบเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวละคร แฟรงค์ โผล่มานี่แหละฮะความสนุกก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แต่แล้วในขณะที่เส้นกราฟความมันส์ของ 7 ตอนแรกกำลังพุ่งขึ้นและกำลังจะพีคสุดในช่วงท้ายของตอนที่ 7 ตัวซีรีส์ก็ตัดฉับกลับมาเล่าย้อนอดีตในช่วงยุค 90 สมัยที่พ่อ-แม่ยังเป็นหนุ่ม-สาว ตั้งแต่ตอนที่ 8-14 โดยเป็นการเล่าย้อนถึงความเป็นมาเป็นไปของตัวละคร คิมดูซิก, อีมีฮยอน, จางจูวอน และ อีแจมัน ซึ่งโทนเรื่องก็เหมือนกลับมาเริ่มต้นบิ้วท์อารมณ์กันใหม่ แต่ยังดีที่ในพาร์ทนี้มีการเดินเรื่องที่ค่อนข้างต่างจาก 7 ตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือเดินเรื่องไปในแนวแอ็คชั่นมันส์ๆ และดราม่าที่เข้มข้น มีพลอตเรื่องที่แข็งแรงมาก จึงทำให้ดูสนุกและน่าติดตามกว่าช่วง 7 ตอนแรกมากฮะ
และเมื่อเรื่องราวในอดีตถูกเล่าจนมาบรรจบกับเรื่องราวในปัจจุบันแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ 15 เป็นต้นไป ซีรีส์ก็จะกลับมาเดินเรื่องในช่วงปัจจุบันโดยจะเดินเรื่องต่อจากตอนที่ 7 เลย ซึ่งเป็นช่วงท้ายของเรื่องแล้ว และตอนที่พีคที่สุดมันส์ที่สุดของเรื่องต้องยกให้กับตอนที่ 19 ต่อเข้าตอนที่ 20 เลยฮะ แอ็คชั่นเดือดมาก จัดหนักแบบนันสต๊อปกันเลยทีเดียว
แต่แม้โดยรวมจะดูสนุก แต่ก็ยังมีบางจุดที่เหมือนจะไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่นัก เช่น ในตอนจบของเรื่องที่ดูเร่งๆ และรวบรัดไปหน่อย จนทำให้รู้สึกว่าอารมณ์ยังไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าไหร่นัก ถ้ามีให้เวลากับโมเมนท์ของตัวละครต่างๆ หลังผ่านเหตุการณ์ร้ายมาให้มากกว่านี้ น่าจะประทับใจกว่านี้มาก รวมถึงตัวละครฝั่งตัวร้ายที่เริ่มต้นจากฝ่ายตะวันตกที่ตอนแรกเหมือนจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับหน่วยสำนักงานข่าวกรอง แต่ก็ไม่ได้เล่าในความสัมพันธ์นี้ให้เคลียร์ อยู่ๆ ก็หายไปเลย แล้วเปลี่ยนมาเป็นตัวร้ายจากฝั่งเกาหลีเหนือแทน แล้วพอเรื่องจบก็มากลับเปิดตัวละครใหม่ของฝั่งตะวันตกอีก
ถ้าได้ไปต่อในซีซั่น 2 ก็หวังว่าจะกลับมาเล่าประเด็นกับฝั่งตะวันตกให้เคลียร์หน่อยนะฮะ
และสำหรับคนที่ไม่ชอบดูซีรีส์ที่เล่าเรื่องย้อนไปย้อนมา ก็สามารถดูตาม Timeline และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องตามนี้เลยนะฮะ
EP. 10 – EP. 11
EP. 8 – EP. 9
EP. 12 – EP. 14
EP.1 – EP. 7
EP. 15 – EP. 20 (ซึ่งก็มีบางตอนที่เล่าย้อนอดีตของตัวละครบางตัวอยู่บ้างแต่ก็ไม่ยาวมากนัก)
สรุป >> ให้ไป 8.5 เต็ม 10 นะฮะ แม้ช่วงต้นจะดูยืดๆ ยวบยาบไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงกับน่าเบื่อนะฮะ จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่ตัวละครทุกตัวที่ถูกดีไซน์คาแรคเตอร์ออกมาได้มีเสน่ห์มาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญเลยที่ทำให้เราสามารถติดตามซีรีส์นี้ได้ตลอดรอดฝั่ง