[Review] Godzilla Minus One [2023]
Godzilla Minus One (ゴジラ-1.0マイナスワン, Gojira Mainasu Wan) ภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนว Thriller Monster Survival จากค่าย Toho Studios และ Robot Communications ซึ่งเป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 37 ของภาพยนตร์ตระกูล ก็อดซิลล่า (เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 33 ที่ผลิตโดย Toho และเป็นลำดับที่ 5 ของภาพยนตร์ตระกูล ก็อดซิลล่า ยุคเรวะ)
เขียนบทและกำกับโดย Takashi Yamazaki (ที่เคยฝากผลงานกำกับเรื่อง Parasyte The Movies มาก่อนหน้านี้)
นำแสดงโดย
Ryunosuke Kamiki (จากภาพยนตร์เรื่อง 20th Century Boys 3: Redemption, Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno, Rurouni Kenshin: The Legend Ends, Bakuman, JoJo’s Bizarre Adventure: Diamond Is Unbreakable และ Rurouni Kenshin: The Final) รับบทเป็น Kōichi Shikishima
Minami Hamabe (จากภาพยนตร์เรื่อง Let Me Eat Your Pancreas, Ajin: Demi-Human และ Shin Kamen Rider) รับบทเป็น Noriko Ōishi
Yuki Yamada (จากภาพยนตร์เรื่อง Ajin: Demi-Human, ภาพยนตร์/ซีรีส์ตระกูล High & Low และ ภาพยนตร์ตระกูล Tokyo Revengers) รับบทเป็น Shirō Mizushima
Munetaka Aoki (จากภาพยนตร์เรื่อง Rurouni Kenshin: Trilogy, Rurouni Kenshin: The Final และ The Roundup: No Way Out) รับบทเป็น Sōsaku Tachibana
Hidetaka Yoshioka (จากภาพยนตร์ตระกูล Always: Sunset on Third Street) รับบทเป็น Kenji Noda
Sakura Ando (จากภาพยนตร์เรื่อง Monster) รับบทเป็น Sumiko Ōta
Kuranosuke Sasaki รับบทเป็น Yōji Akitsu
Sae Nagatani (จากภาพยนตร์เรื่อง And Yet, You Are So Sweet) รับบทเป็น Akiko
Miou Tanaka (จากภาพยนตร์เรื่อง Kingdom 2: Far and Away และ Kingdom 3: The Flame of Destiny) รับบทเป็น Tatsuo Hotta
Yuya Endo (จากภาพยนตร์เรื่อง Onoda: 10,000 Nights in the Jungle) รับบทเป็น Tadamasa Saitō
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1945 ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้หมวดชิกิชิมะ นักบินหน่วยพิเศษของกองกำลังป้องกันประเทศ ได้ขับเครื่องบินมาลงที่เกาะโอโดะโดยอ้างว่าเครื่องบินขัดข้อง และในค่ำคืนนั้นเขาก็ได้พบกับฝันร้ายที่จะตามติดเขาตลอดไปไม่มีวันจางหาย
หลังจากที่เขาได้เป็นผู้รอดชีวิตจากเกาะโอโดะ เขาก็ได้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่โตเกียวบ้านเกิดของเขาท่ามกลางเศษซากปรักหักพังของเมืองที่เป็นผลจากสงคราม ผู้คนส่วนใหญ่ไร้ที่อยู่อาศัย และอีกหลายคนที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัว ซึ่งนั่นก็รวมถึงตัวเขาเองด้วยที่ต้องสูญเสียพ่อ-แม่ไป ทุกชีวิตที่ยังอยู่รอดจึงเปรียบเสมือนต้องใช้ชีวิตแบบเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
หลายเดือนผ่านไปเขาได้เข้าทำงานกับทีมเก็บกู้ทุ่นระเบิดกลางทะเลที่ทั้งฝ่ายอเมริกาและญี่ปุ่นได้วางเอาไว้ในช่วงสงคราม จนกระทั่ง 1 ปีผ่านไปเขาก็ได้พบกับฝันร้ายของเขาอีกครั้ง
ความรู้สึกหลังดูจบ
การเดินเรื่องค่อนข้างดีเลยฮะ โดยเฉพาะกับการนำเสนอที่ทำให้เห็นภาพของผลพวงอันเลวร้ายที่เกิดจากสงครามที่ไม่ได้ให้อะไรที่ดีกับประชาชนเลย
การให้เวลากับช่วงการปรากฎตัวของ ก็อดซิลล่า ทำออกมาได้ค่อนข้างพอดีเลยฮะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป (4 ฉากใหญ่) และทุกครั้งที่มันปรากฎตัว ก็สร้างความตื่นตะลึงและลุ้นระทึกได้เป็นอย่างดีเลย
ก็อดซิลล่า เวอร์ชั่นนี้ให้ความรู้สึกที่ดูดุดันและน่ากลัวกว่าเวอร์ชั่น Legendary MonsterVerse เยอะเลยฮะ โดยเฉพาะความสามารถพิเศษอย่างการมี Healing Factor ที่รวดเร็วมากจนนึกไม่ออกเลยว่าจะมีอะไรที่ฆ่ามันได้ แล้วอาวุธทำลายล้างอย่าง Atomic Breath นี่ก็ช่างรุนแรงเสียเหลือเกิน
แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบเวอร์ชั่น Legendary MonsterVerse อาจจะไม่ค่อยถูกใจเวอร์ชั่นนี้มากนักด้วยความที่วิธีการเล่าเรื่องจะเป็นแบบสไตล์หนังญี่ปุ่นนะฮะ คือเดินเรื่องเรื่อยๆ ด้วยตัวละครมนุษย์เป็นหลัก มีบทพูดที่ค่อนข้างเยอะ ดราม่าเยอะ เป็นการนำเสนอในมุมมองที่มนุษย์มีต่อ ก็อดซิลล่า ที่มองว่ามันคือภัยคุกคามที่สร้างความสิ้นหวังให้กับประชาชนชาวญี่ปุ่นในวันที่พวกเขาเพิ่งบอบช้ำจากการพ่ายแพ้สงครามมา
สรุป >> ให้ไปเลย 8 เต็ม 10 นะฮะ เป็นงานหนัง ก็อดซิลล่า อีกเรื่องหนึ่งที่ดูได้สนุกเลยฮะ