[รีวิว] Alice เริ่มต้นดี กลางเริ่มแผ่ว และจบแบบ “อิหยังวะ” [Series]

[Review] Alice [2020]

Alice (앨리스) ซีรีส์แนว Drama Action Crime Sci-fi สัญชาตเกาหลีใต้ที่พัฒนาโดย SBS TV เป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่ว่าด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับการข้ามเวลาและทฤษฎีของจักรวาลคู่ขนาน (Mulitverse)

เขียนบทโดย Kim Kyu-won, Kang Cheol-gyu และ Kim Ga-yeong
กำกับโดย Baek Soo-chan

นำแสดงโดย
Kim Hee-sun (จากภาพยนตร์เรื่อง The Myth ประกบคู่กับ เฉินหลง [Jackie Chan]) รับบทเป็น Yoon Tae-yi / Park Sun-young
Joo Won (จากซีรีส์เรื่อง My Sassy Girl) รับบทเป็น Park Jin-gyeom
Kwak Si-yang (จากซีรีส์เรื่อง Oh My Ghost) รับบทเป็น Yoo Min-hyuk
Lee Da-in (จากซีรีส์เรื่อง Doctor Prisoner) รับบทเป็น Kim Do-yeon
Kim Sang-ho (จากซีรีส์เรื่อง Kingdom และ Sweet Home) รับบทเป็น Go Hyeon-seok
Choi Won-young (จากภาพยนตร์เรื่อง Sex is Zero และซีรีส์เรื่อง Doctor Prisoner) รับบทเป็น Seok Oh-won
Lee Jae-yoon (จากภาพยนตร์เรื่อง The Bad Guys: Reign of Chaos) รับบทเป็น Kim Dong-ho

รับชมได้ทาง Netflix (16 ตอน) และ viu (32 ตอน) – จำนวนตอนไม่เท่ากันเพราะความยาวต่อตอนไม่เท่ากันฮะ (Netflix 1 ตอน เท่ากับ viu 2 ตอน)

Alice [2020]

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ในปี 2050 ได้มีการจัดจัดตั้งกลุ่มองค์กรที่ชื่อว่า Alice องค์กรที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการพาคนจากปี 2050 เดินทางข้ามเวลาไปในอดีตเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละคน

แต่แล้วกลับมีข่าวลือเกี่ยวกับหนังสือคำนายแพร่สะพัดออกไป โดยในหนังสือคำนายนั้นได้เขียนรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาต่างๆ ซึ่งในบทสุดท้ายของหนังสือคำนายได้กล่าวถึงจุดจบของการเดินทางข้ามเวลา

ยุนมินฮยยอก และ ยุนแทอี เจ้าหน้าที่ของ อลิซ จึงได้รับคำสั่งให้เดินทางไปยีงปี 1992 เพื่อค้นหาหนังสือคำนายนั้นก่อนที่จะตกอยู่ในมือของผู้ประสงค์ร้าย

ในระหว่างทำภารกิจ ยุนแทอี ได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ เธอจึงตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ในปี 1992 เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสรังสีจากการเดินทางข้ามเวลาที่จะส่งผลร้ายต่อทารกในครรภ์ และด้วยเหตุนั้นเธอจึงต้องตัดสินใจทิ่งตัวตนของตัวเองและเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น พัคซอนยอง เพื่อหลบหนีการติดตามตัวจากของคน อลิซ และในที่สุดเธอก็ได้ให้กำเนิดลูกชายที่ให้ชื่อว่า พัคจินกยอม

18 ปีผ่านไป ในวันเกิดของ พัคซอนยอง ซึ่งตรงกับวันที่เกิดเหตุการณ์จันทรุปราคา เธอถูกฆาตกรรมภายในบ้านโดยที่ไม่มีใครเห็นหน้าหรือรู้ตัวของฆาตกรเลย นั่นจึงเป็นเหตุให้ พัคจินกยอม ตัดสินใจที่จะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยตำรวจ เพื่อจะได้ตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเขาด้วยตัวเอง

10 ปีผ่านไป พัคจินกยอม ได้กลายมาเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจโซลเขตใต้ และในระหว่างที่เขากำลังตามสืบคดีลักพาตัวเด็กคนหนึ่งอยู่นั้น เขาก็ได้บังเอิญพบกับ ศาตราจารย์ยุนแทอี หญิงสาวที่มีหน้าตาเหมือนแม่ของเขาไม่มีผิด จะต่างกันก็เพียงแค่ ศาตราจารย์ยุนแทอี มีอายุน้อยกว่าแม่ของเขาก็เท่านั้น

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ พัคจินกยอม จะตามหาตัวฆาตกรที่ฆ่าแม่ของเขาได้หรือไม่, ศาตราจารย์ยุนแทอี คือใคร ทำไมถึงมีหน้าตาเหมือนแม่ของ พัคจินกยอม และสุดท้ายหนังสือคำนายได้บอกถึงจุดจบอะไรเอาไว้ ไปร่วมหาคำตอบกันนะฮะ

ความรู้สึกหลังดูจบ
เป็นอีก 1 ซีรีส์ที่เริ่มต้นได้สนุก มีพลอตเรื่องน่าสนใจ เดินเรื่องได้น่าตื่นเต้นและลุ้นระทึกชวนให้ติดตามเอามากๆ แต่พอเข้าช่วงกลางๆ เรื่องกลับเริ่มแผ่ว เริ่มยืด และชวนให้น่าเบื่อขึ้นมาซะงั้น และจนถึงตอนสุดท้ายคือจบได้แบบ “อิหยังวะ” มาก (ช่วง 2-3 ปีหลังมานี่เจอซีรีส์เกาหลีที่มีปัญหาแบบนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆ เลย โดยเฉพาะซีรีส์ที่ชอบแบ่งฉายเป็น 2 พาร์ทเนี้ย)

โครงเรื่องหลักว่าด้วยเรื่องราวของการเดินทางข้ามเวลา ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีการอธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีการข้ามเวลาในแบบของตัวเองได้อย่างชัดเจนและมีความน่าจะเป็นมากๆ แต่ที่ยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไปไกลกว่าซีรีส์ข้ามเวลาเรื่องอื่นๆ คือเรื่องราวไปไกลถึงระดับจักรวาลคู่ขนานกันเลยทีเดียว

ดังนั้นจึงมีหลายๆ จุดที่ค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่พอสมควร หากไม่ได้ตั้งใจดูหรือเผลอหลุดโฟกัสไป อาจจะทำให้มีงงกันได้เลยนะฮะ

แต่ไอเรื่องความงงเนี้ย จะว่าไปส่วนหนึ่งก็เกิดจากตัวพลอดเรื่องของตัวซีรีส์เองเหมือนกันนะฮะ ที่หลายๆ ประเด็นดูจะขัดแย้งกับทฤษฎีของตัวเรื่องเอง จึงทำให้แม้ว่าจะตั้งใจดูขนาดไหนก็ตาม มันก็ยังมีจุดที่เรารู้สึกว่า “มันใช่เหรอวะ” อยู่เยอะเลย เรื่องราวมันดูย้อนแย้งและไม่สมเหตุสมผลพอสมควรเลยฮะ

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายประเด็นเลยที่ไม่ได้รับการเฉลย เช่น (ขอสปอยนิดหน่อยนะฮะ) รอยแผลเป็นเครื่องหมาย โอเมก้า อยู่บนท้ายทอยของ พัคซอนยอง และรอยแผลเป็นเครื่องหมาย ซิกม่า ที่อยู่บนตัวของนักล่าข้ามเวลา มีความหมายหรือความสำคัญอย่างไรกับเรื่องก็ไม่ได้บอกนะฮะ คือบางช่วงค่อนข้างที่จะโฟกัสในจุดนี้พอสมควร แต่สุดท้ายกลับปล่อยทิ้งไปซะงั้น เป็นต้น

และจุดที่เป็นปัญหาที่สุดที่ทำให้หลายๆ คนไม่โอเคกับซีรีส์เรื่องนี้ ก็คือในส่วนของ Love Line ระหว่าง พัคจินกยอม และ ยุนแทอี ที่ดูยังไงก็ให้ความรู้สึกแปลกๆ และให้ความรู้สึกถึงการข้ามเส้นศีลธรรมไปพอสมควร โดยเฉพาะกับตอนจบของเรื่อง ที่ไม่ว่าจะดูยังไง คิดตามยังไง พิจารณามุมไหน มันก็ไม่ควรจะเป้นแบบนั้นนะฮะ (แต่ถ้าคุณเคยผ่านซีรีส์ประสาทแดกในตำนานอย่าง Dark มาแล้ว คุณอาจจะเฉยๆ กับประเด็นนี้ก็ได้นะฮะ)

อ่อ สุดท้ายเลยคืออยากจะบอกว่าเพลงประกอบที่ชื่อ Whenever Wherever Whatever ซึ่งขับร้องโดยศิลปิน BEN คือดีงามมากฮะ เพราะมากและปล่อยมาได้เข้ากับจังหวะของเรื่องมากฮะ

สรุป >> ให้ไป 6.5 เต็ม 10 นะฮะ หากมองข้ามเรื่อง Love Line ที่ทะแม่งๆ นี้ไปได้ ก็พอจะสนุกกับซีรีส์เรื่องนี้ได้อยู่นะฮะ

ฝากรีวิวเรื่องอื่นๆ ด้วยนะฮะ คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย