[รีวิว] Has Fallen Trilogy ผ่ายุทธการสังหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ [Movies]

[Review] Has Fallen Trilogy [2013-2019]

Has Fallen Trilogy ภาพยนตร์แอ็คชั่นไตรภาคสุดมันส์ เรื่องราวของ Mike Banning อดีตนายทหารแห่งกองทัพสหรัฐฯ กับภารกิจบอดี้การ์ดประจำตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯ



Olympus Has Fallen (ฝ่าวิกฤติวินาศกรรมทำเนียบขาว) [2013]

เขียนบทโดย Creighton Rothenberger และ Katrin Benedikt
กำกับโดย Antoine Fuqua
นำแสดงโดย Gerard Butler, Aaron Eckhart และ Morgan Freeman

เรื่องราวของ Mike Banning (รับบทโดย Gerard Butler) เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ (US Secret Service หรือ USSS) กับภารกิจอารักขา Benjamin Asher (รับบทโดย Aaron Eckhart) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องประธานาธิบดีและครอบครัวผิดพลาดจนเป็นเหตุให้ Margaret (รับบทโดย Ashley Judd) สตรีหมายเลข 1 ต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ลอบสังหารประธานธิบดี และทำให้ ไมค์ ต้องถูกปลดให้ไปทำงานงานนั่งโต๊ะที่กรมธนารักษ์แทน

8 เดือนต่อมา ในระหว่างการประชุมผู้นำระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ เบนจามิน แอชเชอร์ กับ Lee Tae-Woo (รับบทโดย Keong Sim) นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกาหลีเหนือส่งทหารจำนวนมากเข้าสู่เขตแดนของเกาหลีใต้

แต่แล้วการพูดคุยยังไม่ทันได้เริ่มต้น ทันทีที่ นายกลี มาถึงทำเนียบขาว วอชิงตันดีซี ก็ถูกโจมตีอย่างหนักจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ขนอาวุธยุทโธปกรณ์มาเต็มกำลัง ส่งผลให้ทำเนียบขาว และบริเวณใกล้เคียงถูกถล่มราบคาบ ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ประจำการอยู่ในทำเนียบขาวและเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยสกัดกลุ่มผู้ก่อการร้ายนั้นถูกสังหารจนสิ้น ส่วน ประธานาธิบดีแอชเชอร์ และ นายกลี รวมถึงรัฐมนตรีและเจ้าหน้าคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมประชุมด้วยก็ถูกจับกุมตัวไว้ได้

ไมค์ ซึ่งเห็นเหตุการณ์จากภายนอก จึงเป็นความหวังเดียวที่จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือ ประธานาธิบดีแอชเชอร์ ให้รอดพ้นจากอันตรายและจัดการกับเหล่าผู้ก่อการร้ายได้



London Has Fallen (ผ่ายุทธการถล่มลอนดอน) [2016]

เขียนบทโดย Creighton Rothenberger, Katrin Benedikt, Christian Gudegast และ Chad St. John
กำกับโดย Babak Najafi
นำแสดงโดย Gerard Butler, Aaron Eckhart และ Morgan Freeman


เรื่องราวเริ่มต้นจากการโจมตีทิ้งระเบิดถล่มงานแต่งงานของลูกสาวพ่อค้าอาวุธรายใหญ่และยังเป็นผู้นำกลุ่มผู้ก่อการร้ายชาวปากีสถาน Aamir Barkawi (รับบทโดย Alon Moni Aboutboul) โดยอำนาจของกองทัพสหรัฐฯ ที่ได้รับรายงานข่าวกรองจากหน่วย MI6 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ครอบครัวของ อาเมียร์ ต้องเสียชีวิตทั้งหมด

2 ปีต่อมา เมื่อนายกรัฐมาตรีของอังกฤษเสียชีวิตลง เหล่าผู้นำจะประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง Benjamin Asher (รับบทโดย Aaron Eckhart) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จึงต้องเดินทางไปร่วมพิธีศพที่กรุงลอนดอน

แม้แต่ละประเทศจะวางแผนการป้องกันอันตรายผู้นำของประเทศตัวเองเป็นอย่างดีแค่ไหน แต่ทันทีที่เหล่าผู้นำต่างๆ ได้เดินทางมาถึงยังกรุงลอนดอน พวกเขาก็ถูกกลุ่มผู้ก่อร้ายที่วางแผนดักซุ่มโจมตีมาอย่างดี เข้าจู่โจมและถล่มอย่างหนัก จนเป็นเหตุให้เหล่าผู้นำและเจ้าหน้าที่ที่ติดตามทุกคนเสียชีวิตทั้งหมด ยกเว้นเพียง ประธานาธิบดีแอชเชอร์ แห่งสหรัฐฯ ที่ได้รับการคุ้มครองจาก Mike Banning (รับบทโดย Gerard Butler) เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ซึ่งทั้งคู่ต้องดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ให้ได้ โดยมีหน่วยข่าวกรอง MI6 ของอังกฤษคอยให้ความช่วยเหลือ



Angel Has Fallen (ผ่ายุทธการ ดับแผนอหังการ์) [2019] (รับชมได้ทาง HBO Go)

เขียนบทโดย Robert Mark Kamen, Matt Cook และ Ric Roman Waugh
กำกับโดย Ric Roman Waugh
นำแสดงโดย Gerard Butler และ Morgan Freeman

ในภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ชุดนี้ เริ่มต้นที่เหตุการณ์ลอบสังหารประธานาธิบดีสหรัฐฯ Allan Trumbull (รับบทโดย Morgan Freeman) ในระหว่างที่กำลังพักผ่อนตกปลาอยู่ที่ Queen’s Lake, Williamsburg, Virginia โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย

Mike Banning (รับบทโดย Gerard Butler) สามารถช่วยชีวิต ประธานาธิบดีอลัน ไว้ได้อย่างหวุดหวิด แต่ทั้งสองก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ ประธานาธิบดีอลัน อยู่ในอาการโคม่า แต่แล้วเรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น หลังที่ทั้งสองถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ไมค์ กลับถูกตั้งข้อหา พยายามฆ่าประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะหลักฐานทั้งหมดพุ่งเป้ามาที่ ไมค์ ว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การลอบสังหารในครั้งนี้

ไมค์ จึงต้องพยายามหลบหนีจากการจับกุมเพื่อกระชากหน้าของผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงให้ได้



ความคิดเห็นหลังจากดูจบ
ทั้ง 3 ภาคนั้น เนื้อเรื่องไม่มีอะไรมาก เดินเรื่องตรงๆ ไม่ซับซ้อนอะไร ตามเรื่องย่อข้างต้นเลย เดินเรื่องไว แต่เดาทางได้ง่ายทั้ง 3 ภาคเลย ซึ่งใครที่เป็นคอหนังแอ็คชั่นแนวนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าคงจับทางได้ถูกทั้งหมดนะฮะ

และในเมื่อเนื้อเรื่องไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก ก็ต้องมาดูที่ฉากแอ็คชั่นกันล่ะ ซึ่งก็ต้องยอมรับเลยว่า ฉากแอ็คชั่นนี่จัดเต็มสะใจมาก ถล่มกันด้วยห่ากระสุนและระเบิดกันตูมตามอย่างเมามันส์เลยทีเดียว โดยเฉพาะภาคแรกนี่ถือว่าลงตัวที่สุดแล้ว ดูสนุกและลุ้นระทึกดี แต่พอมาภาค 2 ทุกอย่างดูคล้ายกับภาคแรกมาก จึงทำให้ความตื่นเต้นและลุ้นระทึกลดลงไปพอสมควร

ซึ่งสิ่งที่ผู้กำกับใส่เข้ามาทดแทนในภาค 2 ก็คือฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อมที่เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มกว่าภาคแรกเยอะพอสมควร จึงพอช่วยพยุงหนังให้รู้สึกไม่แย่ไปมากนัก

แต่พอมาถึงภาคที่ 3 ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีก็ถูกนำไปใช้งานใน 2 ภาคแรกหมดแล้ว ดังนั้นจึงดูเหมือนเป็นการดันทุรังสร้าง ทุกอย่างดูไม่สมเหตุสมผลและดูง่ายไปหมดเลย

แม้ว่าในภาค 3 นี้ พยายามจะยัดฉากถล่มแบบวินาศสันตะโรอย่างหนักหน่วงเข้าไป แต่แทนที่จะสนุกกลับกลายเป็นความเลี่ยนไปซะอย่างนั้น ซึ่งการยัดเยียดฉากเหล่านี้เข้ามาโดยที่เนื้อเรื่องแทบจะไม่มีอะไรใหม่ มันก็ไม่ได้ช่วยให้หนังสนุกขึ้นมาเลย

สรุป >> เหมาะสำหรับคนชอบหนังแอ็คชั่นที่เต็มไปการสาดกระสุนและระเบิดตูมตาม แบบไม่ต้องสนใจเนื้อเรื่อง ซึ่งถ้าพอมีเวลาก็ดูเรียงกันไปทั้ง 3 ภาคเลยก็ได้ หรือจะแยกดูเดี่ยวๆ ก็ไม่งง เพราะหนังมันก็จบในตัวมันเองแล้ว แต่ถ้ามีเวลาดูเพียงแค่เรื่องเดียว แนะนำภาคแรกฮะ ลงตัวที่สุดแล้ว

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ