[รีวิว] Happiness การต่อสู้เอาตัวรอดจากวิกฤตโรคคนบ้าที่ระบาดหลังโควิด-19 [Series]

[Review] Happiness [2021]

Happiness (해피니스) ซีรีส์สัญชาติเกาหลีใต้แนว Thriller ของผู้กำกับ Ahn Gil-ho จากผลงานการเขียนบทของ Han Sang-woo ผลงานการผลิตของสถานีโทรทัศน์ tvN

สามารถรับชมฉบับซับไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทางช่องสตรีมมิ่งดังหลายหลายช่องทั้ง VIU, WeTV, iQiyi และ Netflix มีจำนวนทั้งหมด 12 ตอนจบ

นำแสดงโดย
Han Hyo-joo (จากซีรีส์เรื่อง Iljimae, Dong Yi และ Treadstone) รับบทเป็น Yoon Sae-bom
Park Hyung-sik (จากซีรีส์เรื่อง Strong Girl Bong-soon และ Suits) รับบทเป็น Jung Yi-hyun
Jo Woo-jin (จากซีรีส์เรื่อง Mr. Sunshine) รับบทเป็น Han Tae-seok
Lee Ji-ha (จากซีรีส์เรื่อง Squid Game) รับบทเป็น Jo Ji-hee
Park Hee-von (จากซีรีส์เรื่อง Sisyphus: The Myth) รับบทเป็น Na Hyun-kyung
Park Hyung-soo (จากภาพยนตร์เรื่อง The Call) รับบทเป็น Kook Hae-seong
Lee Joo-seung (จากซีรีส์เรื่อง Voice) รับบทเป็น Andrew
Han Joon-woo (จากภาพยนตร์เรื่อง Extreme Job) รับบทเป็น Kim Se-hoon
Bae Hae-sun (จากซีรีส์เรื่อง Alice) รับบทเป็น Oh Yeon-ok
Baek Joo-hee (จากซีรีส์เรื่อง My Name) รับบทเป็น Park Min-ji
Lee Seung-joon (จากภาพยนตร์เรื่อง Obsessed) รับบทเป็น Kim Dae-yoon

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในวันที่โลกเริ่มคลี่คลายจากสถานการณ์โควิด-19 และผู้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มหันกลับมาใช้ชีวิตแบบปรกติโดยไม่ต้องใส่หน้ากากอีกต่อไปแล้ว

เรื่องราวของ จุงอีฮยอน สายสืบหนุ่มฝีมือดี และ ยุนแซบม ตำรวจสาวสุดห้าวสังกัดหน่วยปราบปรามการก่อการร้าย คู่แต่งงานใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์สุดหรูที่ชื่อ เซยังซุพเลอซิเอล ซึ่งเป็นสวัสดิการจากกรมตำรวจที่มีให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีผลงานดีและมีครอบครัว

หลังจากที่พวกเขาย้ายเข้ามาอยู่ที่อาพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์ที่ผู้คนในอพาร์ทเม้นท์เริ่มคลุ้มคลั่งไล่กัดผู้คนจนวุ่นวายไปทั่ว จึงทำให้ ฮันแทซอก หัวหน้าหน่วยทหารที่กำลังดำเนินการปฏิบัติการลับเพื่อควบคุมเหตุการณ์ความคลุ้มคลั่งที่ถูกเรียกว่า โรคคนบ้า ซึ่งกำลังระบาดไปทั่วเกาหลีอยู่ในขณะนี้ ต้องออกคำสั่งให้ปิดล้อมพื้นที่บริเวณรอบอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ทั้งหมด เพื่อป้องกันการระบาดของโรคคนบ้านี้

ทั้ง จุงอีฮยอน และ ยุนแซบม พร้อมกับผู้คนในอพาร์ทเม้นท์ที่ยังไม่ติดเชื้อ จึงต้องพยายามต่อสู้เพื่อหาทางเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ร้ายนี้ให้ได้ เพราะหากใครที่โดนคนที่เกิดอาการคลุ้มคลั่งกัดหรือข่วนจนเกิดแผล คนๆ นั้นจะเกิดการติดเชื้อและเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้เช่นกัน

ความรู้สึกหลังดูจบ (!!!ระวัง!!! มีสปอยเล็กน้อย)
ตอนที่เริ่มมีข่าวเหตุการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นในช่วงแรกๆ นั้น เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยเกิดความคิดเล่นๆ ว่าจะมีคนที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วเชื้อเกิดกลายพันธุ์กลายเป็นซอมบี้บ้างหรือเปล่านะขึ้นมาแน่ๆ

ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ ก็หยิบเอาประเด็นประมาณนี้แหละมาเล่นได้อย่างน่าสนใจพอสมควร

และผลที่ได้ก็คือ เราก็จะอินกับเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างง่ายๆ เลยล่ะฮะ อย่างความคิดที่ว่าถ้ามันเกิดกับคนที่อยู่ข้างๆ เรา เราจะทำยังไง เราจะหนีเอาชีวิตรอดจากซอมบี้เหล่านี้ได้หรือไม่ และพอเราอิน เราก็จะสนุกไปกับเรื่องราวที่ซีรีส์นี้นำเสนอมา

แต่แม้พลอตเรื่องหลักจะอยู่ที่การเอาตัวรอดจากสถานการณ์การไล่ล่าของเหล่าคนติดเชื้อก็ตาม แต่ลึกๆ แล้ว นี่คืออีก 1 ซีรีส์ที่สอดแทรกไปด้วยการจิกกัดเสียดสีสังคมเกาหลีอย่างหนักมาก ทั้งประเด็นการแบ่งชนชั้นระหว่างคนจนกับคนรวย รวมถึงค่านิยมทางสังคมของคนเกาหลี ไหนจะเรื่องความเห็นแก่ตัวและความร้ายกาจของคนที่ดูยังไงก็น่ากลัวกว่าเหล่าคนติดเชื้อที่คลุ้มคลั่งซะอีก

นอกจากนี้ก็ยังมีการแอบแซะการทำงานของรัฐบาลที่พยายามจะปกปิดข่าวการระบาดของโรค ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เชื้อมันยิ่งแพร่ระบาดไปมากขึ้น (แต่ก็ไม่ได้เน้นที่จะวิพากษ์แวดวงการเมืองอะไรมากนัก)

อีกประเด็นหนึ่งที่ดูเหมือนผู้กำกับต้องการจะนำเสนอ คือเรื่องของการค้นหาชีวิตที่มีความสุข (ตามชื่อเรื่อง) ที่สอดแทรกและเล่าผ่านการกระทำของตัวละครต่างๆ ที่แต่ละคนก็ต่างมีนิยามความสุขและวิธีที่จะสร้างความสุขให้กับชีวิตของตัวเองในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เพียงแต่ว่าด้วยลักษณะวิธีการเล่าเรื่องที่ยังขาดชั้นเชิงอยู่ จึงทำให้ประเด็นนี้สื่อไม่ถึงคนดูเท่าไหร่นัก

ส่วนที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่คือแม้ซีรีส์เหมือนจะดำเนินเรื่องไว แต่เรื่องราวกลับวนเวียนไม่ไปไหนเลย แล้วยิ่งแต่ละ Episode มีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมงด้วย จึงยิ่งทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวเดินหน้าไปช้ามาก คือเหมือนเรื่องกำลังจะเดินไปข้างหน้าแล้ว แต่สักพักก็วกกลับมาจุดเดิม วนๆ กันไป วนไปหาตัวละครตัวนั้นบ้าง ตัวนี้บ้าง และสุดท้ายก็กลับมาที่จุดเดิม (ให้ความรู้สึกที่ย้อนแย้งมาก ฮ่าๆๆๆๆ) แต่ก็แปลกที่มันกลับไม่รู้สึกน่าเบื่อเลยนะ มันดูได้สนุกเลยแหละ

อีกจุดหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็คือ ทั้งๆ ที่พื้นที่ของอพาร์ทเม้นท์หรูแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตมากจนถึงขั้นที่จะเรียกว่าเป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้ มีตึกสูงขนาดประมาณ 15 ชั้นอยู่หลายตึกเลย แต่ทั้งคนปรกติและคนติดเชื้อที่ปรากฎออกมาในเรื่อง กลับมีน้อยมากๆ น้อยจนรู้สึกว่าน่าเสียดายมากๆ เพราะเอาจริงๆ ในจุดนี้ยังสามารถเล่นกับความวินาศโกลาหลได้มากกว่านี้อีกเยอะเลย

แต่จุดที่ถือว่าไม่ชอบหนักที่สุดเลยคือช่วง 2 EP สุดท้าย ที่ควรจะเป็นจุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง กลับไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น ทำให้กราฟของซีรีส์นี้ตลอดทั้งเรื่อง จึงไม่มีจุดที่พีคเลย แถมการปรากฎตัวของตัวละครลับที่โผล่ออกมา มันทำให้อารมณ์ของเรื่องเปลี่ยนไปเฉยเลย กลายเป็นหนังแนวฆาตกรรมที่ดูจะไม่ค่อยเข้ากับเรื่องที่ปูมาตั้งแต่ต้นสักเท่าไหร่ (ซึ่งก็ยังไม่เข้าเข้าใจว่าทำไมจึงสร้างให้ตัวละครตัวนี้เป็นแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนพลอตของตัวละครตัวนี้เป็นผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์แทนที่จะเป็นฆาตกรโรคจิต น่าจะสนุกกว่านี้นะ)

และสุดท้ายที่ต้องขอยอมรับเลยว่า นี่คือซีรีส์ที่มีตัวละครที่น่ารำคาญมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ตัวละครเกือบทุกตัวน่าเอาใจช่วยมาก คือเอาใจช่วยให้ตายเร็วๆ นะ ไม่อยากให้รอดเลยจริงๆ

ส่วนสิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็อยู่ที่คู่พระ-นางอย่าง ฮันฮโยจู (จากซีรีส์ดังอย่าง ทงอี จอมนางคู่บัลลังค์) ที่มาในมาดของสาวห้าวจอมลุยได้อย่างน่ารักและมีเสน่ห์มากๆ (บางจังหวะก็ทำให้นึกถึง ยัยตัวร้าย จากเรื่อง My Sassy Girl เวอร์ชั่น 2001 ที่รับบทโดย Jun Ji-hyun อยู่เหมือนกันนะฮะ) และ พัคฮยองชิก ที่ในเรื่องนี้แสดงถึงความรู้สึกที่มีต่อตัวนางเอกผ่านทางแววตาได้ดีมากๆ ทั้งรอยยิ้มและแววตาก็ดูอบอุ่นสุดๆ

Happiness [2021]

สรุป >> ให้ไป 7 เต็ม 10 นะฮะ ถือว่าทำออกมาได้สนุกในระดับหนึ่งเลยนะ เพียงแต่ว่ามันมีวัตถุดิบอะไรอีกมากมายในเรื่องสามารถหยิบมาเล่นให้สนุกได้มากกว่านี้

สุดท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ