[Review] Gemini Man (เจมิไน แมน) [2019]
Gemini Man (เจมิไน แมน) ภาพยนตร์ Action จากผลงานของ Ang Lee ผู้กำกับชาวไต้หวันที่เคยฝากผลงานในเวทีระดับโลกมาอย่างมากมายเช่น Hulk, Brokeback Mountain, Life of Pi และ Crouching Tiger, Hidden Dragon เป็นต้น
เขียนบทโดย David Benioff, Billy Ray และ Darren Lemke
ดูแลงานสร้างโดย Jerry Bruckheimer, David Ellison, Dana Goldberg และ Don Granger
นำแสดงโดย Will Smith, Mary Elizabeth Winstead, Clive Owen และ Benedict Wong
รับชมได้ทางช่อง HBO Go
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Hanry Brogan (รับบทโดย Will Smith) อดีตพลแม่นปืนฝีมือดีจากหน่วย Marine Scout Sniper ที่ผันตัวเองมาเป็นมือสังหารให้กับ DIA (Defense Intelligence Agency) ล่าสุดเขาถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจสังหารผู้ก่อการร้ายที่กำลังเดินทางอยู่บนขบวนรถไฟ
หลังปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น เขาตัดสินใจที่จะเกษียรตัวเอง แต่แล้วเขากลับได้รับข้อมูลจากเพื่อนเก่าว่า เหยื่อที่ถูกสังหารรายล่าสุดนั้นไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เขาจึงพยายามสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ทว่า ในระหว่างที่เขากำลังจะสืบหาความจริงอยู่นั้น เขากลับถูกมือสังหารอีกคนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า Junior (รับบทโดย Will Smith) คอยตามไล่ล่าเขาชนิดที่เรียกว่ากัดไม่ปล่อยเลยทีเดียว หนำซ้ำ มือสังหารรายนี้ยังมีเทคนิคและวิธีคิดที่สามารถตามติดเขาทุกฝีก้าวเลย
และในจังหวะที่พวกเขาได้เผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้านั้น พวกเขาก็ได้พบกับคนที่มีหน้าตาเหมือนกันแต่ต่างวัยกัน เฮนรี่ จึงได้รู้ว่า โปรเจคเจมิไน ได้ทำการโคลนร่างของเขาขึ้นมาเพื่อนำไปใช้งาน และในภารกิจล่าสุดนี้ก็คือ การส่งร่างโคลนของตัวเขามาสังหารเขาเอง
เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร ไปลองหาดูกันนะฮะ
ความคิดเห็นหลังดูจบ
มีทั้งความสนุกตื่นเต้นและน่าเบื่อผสมปนเปกันกันไปตลอดทั้งเรื่อง เอาตรงๆ คือบางช่วงแอบมีง่วงเหมือนกันนะฮะ เพราะบทพูดที่เยอะแต่แทบจะไม่มีอะไรเลย มาตื่นเต้นอีกทีก็ตอนฉากแอคชั่นที่ทำได้เจ๋งมาก
งานออกแบบฉากแอคชั่นนี่คือดีมาก สนุก ตื่นเต้น เร้าใจสุดๆ มุมกล้องแจ่มมากฮะ ส่วนงานด้านภาพนี่ต้องยกให้เค้าเลย สวยงาม คมชัด และลื่นไหวได้ดี เพราะถ่ายมาด้วยเทคโนโลยี High Frame Rate ระดับ 120 FPS (120 เฟรมต่อวินที)
แต่แม้งานภาพจะออกมาสวยงามคมกริบยังไงก็ตาม ในส่วนของงาน CG หน้าของ วิลล์ สมิธ วัยหนุ่ม ในหลายๆ ฉาก ก็มีดูแปลกๆ ลอยๆ อยู่เหมือนกันนะฮะ
ส่วนที่แย่ของหนังเรื่องนี้คือ บท ที่แทบจะไม่ได้มีความน่าสนใจเลย เล่าเรื่องก็ไม่สนุก คือจะมองว่าพลอตเรื่องแบบนี้ อาจจะเคยถูกนำเสนอไปแล้วอยู่บ่อยครั้งก็ตาม แต่หากว่า อังลี ให้ความใส่ใจกับวิธีการนำเสนอที่ดีและคมกว่านี้ ก็น่าจะช่วยให้พลอตประมาณนี้ดูน่าสนใจขึ้นได้ (คล้ายๆ กับที่หนังเรื่อง Looper ได้ทำเอาไว้)
บทสรุปจบของหนังก็ง่ายซะเหลือเกิน เหมือนหาทางลงไม่ได้ก็ อ๊ะ!! จบมันแบบนี้นี่แหละ
และไม่ต้องแปลกใจเลยกับพลอตเรื่องที่ดูแสนจะเชยไปซะหน่อยสำหรับหนังแอคชั่นในยุค 2000 เพราะอันที่จริงแล้ว บทหนังเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 1997 แล้ว และก็ถูกปรับแก้มานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งกว่าจะมาถึงมือของ อัง ลี ก็ปี 2017 แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวบทหนังก็เคยผ่านมือผู้กำกับมาแล้วหลายต่อหลายคนทั้ง Tony Scott, Curtis Hanson และ Joe Carnahan รวมถึงนักแสดงดังๆ ในยุคนั้นที่เคยถูกวางตัวไว้สำหรับบทนำก็มีทั้ง Harrison Ford, Mel Gibson และ Sean Connery
สรุป >> ให้ไป 7 เต็ม 10 ฮะ หนังก็ไม่ได้ย่ำแย่หรือเลวร้ายอะไรมากนัก เพียงแต่ขาดความสดใหม่ไปก็เท่านั้นเอง เหมาะสำหรับคนที่ไม่คิดอะไรมาก แค่อยากจะดูหนังที่มีฉากแอคชั่นมันส์ๆ
ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ