[รีวิว] Ghost Lab (ฉีกกฎทดลองผี) กับการพยายามนำเสนอไอเดียใหม่ที่ทำได้น่าผิดหวัง [Movie]

[Review] Ghost Lab (ฉีกกฎทดลองผี) [2021]

Ghost Lab (ฉีกกฎทดลองผี) ภาพยนตร์ไทยแนว Drama Horror ที่เป็น Original Netflix ซึ่งผลิตโดย GDH หนังกำกับโดย กอล์ฟปวีณ ภูริจิตปัญญา ที่เคยฝากผลงานมามากมาย ทั้ง บอดี้ ศพ #19 (ปี 2007), สี่แพร่ง ตอน “ยันต์สั่งตาย” (ปี 2008), ห้าแพร่ง ตอน “หลาวชะโอน” (ปี 2009) และ รัก 7 ปี ดี 7 หน ตอน “14” (ปี 2012)

รับชมได้ทาง Netflix

Ghost Lab (ฉีกกฎทดลองผี)

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ หมอกล้า (รับบทโดย ไอซ์พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ผู้ที่เชื่อว่าผีมีจริงแต่ยังไม่เคยเห็นแบบเต็มๆ ตาเลย และ หมอวี (รับบทโดย ต่อธนภพ ลีรัตนขจร) ผู้ที่ไม่เชื่อในเรื่องราวที่พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยที่เรียนแพทย์มาด้วยกัน จนปัจจุบันก็มาทำงานเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกัน

วันหนึ่งในขณะที่ทั้งคู่กำลังเฝ้าเวรอยู่นั้น พวกเขาก็ได้เห็นผีกันแบบจะๆ เต็มๆ ตาพร้อมกันทั้งคู่ แต่ทั้งกล้องวงจรปิดและกล้องจากโทรศัพท์มือถือก็ไม่สามารถถ่ายภาพผีตนดังกล่าวไว้ได้

ทั้งคู่จึงตกลงร่วมมือกันเพื่อหาวิธีที่จะทำให้ผีสามารถปรากฏตัวได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่พวกเขาต้องการ เพื่อพิสูจน์ให้ทั้งโลกได้รู้ว่า ผีมีจริง และมีเป้าหมายที่จะให้งานวิจัยนี้ได้ตีพิมพ์ลงในวารสาร The Experiment วารสารงานวิจัยที่โด่งดังที่สุดในโลก

จากจุดเริ่มต้นในการค้นหาวิธีที่จะทำให้ผีปรากฎตัว ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มถลำลึกจนเกินจากสิ่งที่เริ่มต้นไว้ตั้งแต่แรก

ความรู้สึกหลังดูจบ
พอเริ่มดูไปได้สักพักหนึ่ง ก็เริ่มนึกถึงหนังฮอลลีวูดเรื่อง Flatliners ที่ออกฉายเมื่อปี 1990 (และถูกนำมา Remake เมื่อปี 2017) ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ทำการวิจัยและค้นคว้าเรื่องชีวิตหลังความตาย ขึ้นมาบ้างแวบหนึ่ง แม้ว่าพลอตหลักจะไม่เหมือนกันซะทีเดียวก็ตาม

โดยรวม แม้ว่าพลอตหลักจะน่าสนใจก็ตาม (รวมถึงตัวอย่างที่ปล่อยออกมา ก็ทำให้เราคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ กับวงการหนังไทยขึ้นมาบ้าง) แต่สุดท้ายแล้ว หนังกลับพาเรากลับไปยังบทสรุปเดิมๆ แบบที่หนังไทยทั่วไปทำมา

จากช่วงแรกที่เหมือนจะเป็นหนังแนวประมาณ Thriller Psychology ที่เน้นการใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์เป็นตัวเดินเรื่อง แต่ไปๆ มาๆ พอเข้าช่วงที่เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่อง จากหนังที่ใช้หลัการทางวิทยาศาสตร์ก็เริ่มมีเรื่องของความเชื่อตามแนวทางพุทธ/ผี แทรกเข้ามาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นหนังผีไทยแบบทั่วๆ ไปที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าหนังเรื่องอื่นเลย

และถ้าจะมองหนังเรื่องนี้ในมุมของความเป็นหนังผีแล้ว ก็พูดได้เลยว่าหนังเรื่องนี้สอบตกฮะ เพราะมันก็เหมือนกับหนังที่มาในแนวทางหนังล่าท้าผีทั่วๆ ไปอย่างที่เคยเห็นกันมาในหลายๆ เรื่องล่ะฮะ

กลายเป็นว่าหนังไปไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะพยายามเป็นหนังแนวจิตวิทยาหรือความเป็นหนังผีก็ตาม อีกทั้งด้วยความที่หนังมีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้การดำเนินเรื่องค่อนข้างที่จะมีปัญหาในแง่ของความน่าเบื่อที่มีแทรกเข้ามาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง

แถมตลอดทางของหนัง ก็ไม่สามารถที่จะอธิบายถึงแรงจูงใจของทั้งตัว หมอกล้า และ หมอวี ได้อย่างชัดเจนเลยว่า ทำไมพวกเขาถึงได้ถลำลึกลงไปกับการทดลองได้ถึงเบอร์นี้ ทำให้พอถึงจุดเปลี่ยนของหนัง เราก็ได้แต่ร้องว่า อิหยังวะ

ไหนจะเรื่องของความสมเหตุผลในแง่ของความเชื่อของตัวละครที่เรียกว่าเป็นหัวกะทิของเด็กสายวิทย์นั้น ก็แทบจะไม่มีอะไรเป็นหลักฐานหรือข้อสมมติฐานที่น่าเชื่อถือ จนถึงขั้นที่จะสนับสนุนการกระทำของพวกเขาให้ตัดสินใจกระทำการอย่างสุดโต่งอย่างที่เราเห็นเลย

ซึ่งถ้าหากจะเทียบกับผลงานก่อนของเขาอย่าง บอดี้ ศพ #19 ที่มีหน้าหนังคล้ายๆ กันนั้น พูดได้เลยว่าฝีมือตกลงมากเลยฮะ

Ghost Lab (ฉีกกำทดลองผี)

สรุป >> ให้ไป 6 เต็ม 10 ฮะ หนังวางคอนเซปต์ตามชื่อเรื่อง ฉีกกฎทดลองผี แต่ก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการทดลองอะไรที่มันมีความเรียลแบบจับต้องได้ในทางวิทยาศาตร์ที่จะนำมาซึ่งความแปลกใหม่ของไอเดียที่จะพาหนังไทยไปให้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้