[รีวิว] Inuyashiki: the Movie เมื่ออุดมการณ์แตกต่าง จึงนำมาซึ่งการต่อสู้ในวิถีของตนเอง [Movie]

[Review] Inuyashiki: the Movie (อินุยาชิกิ คุณลุงไซบอร์ก) [2018]

Inuyashiki: the Movie (อินุยาชิกิ คุณลุงไซบอร์ก) ภาพยนตร์ Sci-fi สุดมันส์ที่ดัดแปลงมาจาก มังงะ ชื่อเรื่องเดียวกันของอาจารย์ Hiroya Oku (ผู้เขียนมังงะดังเรื่อง Gantz)

กำกับภาพยนตร์โดย Shinsuke Sato ที่เคยฝากผลงานกำกับ Live Action เรื่อง Gantz ทั้ง 2 ภาค, I Am a Hero และ Death Note: Light Up the New World มาก่อนหน้านี้

Inuyashiki: the Movie / อินุยาชิกิ คุณลุงไซบอร์ก [2018]
อินุยาชิกิ คุณลุงไซบอร์ก

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Ichirō Inuyashiki (รับบทโดย Noritake Kinashi) ชายวัย 58 ปี ที่อาศัยอยู่กับภรรยา, ลูกชาย และลูกสาว เป็นครอบครัวที่มีฐานะไม่ค่อยจะดีนัก ทำให้ทุกๆ คนในครอบครัวต่างก็ไม่ค่อยจะพอใจกับตัวเขามากนักที่เป็นเพียงพนักงานเงินเดือนที่ไม่มีความเจริญก้าวหน้าเลย มิหนำซ้ำเขายังได้พบว่า ตัวเองกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งที่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน

ในระหว่างที่ความท้อแท้สิ้นหวังกำลังถาโถมเข้ามานั้น เขาได้บังเอิญพบกับสุนัขตัวหนึ่ง ที่มีปลอกคอป้ายชื่อติดว่า ฮานาโกะ เขาพยายามตามหาเจ้าของเจ้า ฮานาโกะ แต่ตามหาอย่างไรก็ไม่พบ จึงเข้าใจได้ว่าเจ้า ฮานาโกะ น่าจะถูกเจ้าของทิ้ง ด้วยความสงสารและนึกสะท้อนถึงชีวิตตัวเอง ที่เหมือนจะไม่มีใครต้องการ เขาจึงตัดสินใจจะเก็บเจ้า ฮานาโกะ มาเลี้ยงเป็นเพื่อนอยู่ที่บ้าน แต่คนในครอบครัวของเขากลับไม่มีใครชอบเลย

เขาจึงต้องตัดใจพา ฮานาโกะ ไปปล่อย ในระหว่างที่เขาเดินคอตกไปยังสวนสาธารณะ บังเอิญมีวัตถุประหลาดตกลงมาจากท้องฟ้า กระแทกเข้าใส่ตัวเขาเข้าอย่างจังจนสลบไป จนกระทั่งผ่านไประยะเวลาหนึ่ง อินุยาชิกิ ได้ฟื้นขึ้นมาอย่างมึนงง และพบแต่เพียงเจ้า ฮานาโกะ อยู่ข้างๆ เท่านั้น หลังจากที่เขาได้กลับถึงบ้านเขาจึงได้พบกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่กลายเป็นไซบอร์กและพลังพิเศษต่างๆ รวมถึงการหายจากโรคมะเร็ง

การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของ อินุยาชิกิ อิจิโร่ จึงได้เริ่มต้นขึ้น เขาพยายามใช้พลังความสามารถที่ได้มานั้นช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่เดือดร้อนทุกคน เช่นการใช้พลังในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ให้กับผู้คน ไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคร้ายแรงขนาดไหน เขาก็สามารถรักษาอาการนั้นให้หายขาดได้

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าจะมีเฉพาะเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่อยู่ในสวนสาธารณะที่เกิดเหตุในวันนั้น ยังมีอีกหนึ่งคนที่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นด้วย นั่นคือ Hiro Shishigami (รับบทโดย Takeru Satoh) เด็กหนุ่มที่ครอบครัวแตกแยกและเก็บซ่อนความเกลียดชังสังคมอัดแน่นอยู่ภายในใจมาตลอด และสิ่งที่ ชิชิงามิ เลือกที่จะทำ หลังจากได้รับรู้ถึงพลังที่ได้รับมาก็คือ การนำพลังมาใช้ในการเข่นฆ่าผู้คนในสังคมเพื่อระเบิดความเกลียดแค้นภายในใจของตน

ด้วยแนวความคิดที่แตกต่าง สุดท้ายแล้วทั้ง อินุยาชิกิ และ ชิชิงามิ จึงต้องปะทะกันในที่สุด โดยมีชีวิตของมนุษย์โลกเป็นเครื่องเดิมพัน

ความคิดเห็นหลังจากดูจบ
สิ่งดีงามที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ CG งานออกมาดีงามมาก แม้จะมีบางฉากที่ดูลอยๆ อยู่บ้างเล็กน้อยก็ตามที นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากนัก ซึ่งถือว่าน่าเสียดายมากๆ กับพลอตเรื่องต้นฉบับในมังงะที่มีความดราม่าค่อนข้างหนัก แต่ในฉบับภาพยนตร์กับตีความออกมาได้แบนราบมาก ตัวละครเกือบทุกตัวแทบจะไม่มีมิติอะไรเลย รวมถึงประเด็นหนักๆ ที่ตีแผ่ชีวิตจิตใจของคนในสังคมญี่ปุ่นที่แทบจะหายไปเกือบหมด

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ