[รีวิว] ดาบมังกรหยก 2019 กับการตีความที่ใกล้เคียงบทประพันธ์ที่สุด [Series]

[Review] ดาบมังกรหยก (Heavenly Sword Dragon and Slaying Saber) [2019]

ดาบมังกรหยก 2019 ผลงานทีวีซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง The Heavenly Sword and the Dragon Slayer (倚天屠龍記) อันเป็นภาคที่ 3 ของนวนิยายชุด มังกรหยก ซึ่งเป็นบทประพันธ์ของ กิมย้ง (Jin Yong) กำกับโดย Jiang Jiajun

นำแสดงโดยนักแสดงทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่มากมาย อาทิเช่น
เฉิงชุ้นซี (Joseph Zeng Shunxi / 曾舜晞) รับบทเป็น เตียบ่อกี้ (Zhang Wuji)
จู้ซวี่ตัน (Zhu Xudan / 祝绪丹) รับบทเป็น จิวจี้เยียก (Zhou Zhiruo)
เฉาซีเยวี่ย (Xiyue Cao / 曹曦月) รับบทเป็น ฮึงลี้ (Yin Li / Zhu’er)
ซุนอันเข่อ (Sun Anke / 孙安可) รับบทเป็น ปุ๊กฮุย (Yang Buhui)
สวีหย่าถิง (Kabby Hui / 許雅婷) รับบทเป็น เสี่ยวเจียว (Xiao Zhao)
เฉินอวี้ฉี (Yukee Chen / 陈钰琪) รับบทเป็น เตี๋ยเมี่ยง (Zhao Min)
โจวไห่เม่ย (Kathy Chow / 周海媚) รับบทเป็น มิกจ๊อซือไท่ (Miejue Si Tai)
หวังเต๋อซุ่น (Wang Deshun / 王德顺) รับบทเป็น เตียซำฮง (Zhang Sanfeng)
หลี่ตงเสวีย (Li Dongxue / 李东学) รับบทเป็น เตียชุ่ยซัว (Zhang Cuishan)
เฉินซินอวี่ (Xinyu Chen / 陈欣予) รับบทเป็น ฮึงซู่ซู่ (Yin Susu)
เฮยจื่อ (Zhang Yonggang / 张永刚) รับบทเป็น เจี่ยซุ่น (Xie Xun) [เคยรับบทเป็น พิษประจิม – อาวเอี๊ยงฮง ใน มังกรหยก 2017]

ดาบมังกรหยก (Heavenly Sword Dragon and Slaying Saber) [2019]


เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
กระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกร” 2 ศาสตราวุธที่จอมยุทธ์ ก๊วยเจ๋ง และ อึ้งย้ง ได้สร้างขึ้นมา โดยการนำกระบี่เหล็กนิลของจอมยุทธ์อินทรี เอี้ยก้วย มาหลอมและตีขึ้นใหม่ พร้อมกันนั้นจอมยุทธ์หญิง อึ้งย้ง ได้นำแผ่นเหล็กที่สลักตำราพิชัยสงครามของซุนวูและคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งซ่อนไว้ในศาสตราวุธทั้ง 2 ด้วย

หลายสิบปีผ่านไป ในปลายราชวงศ์หยวนเป็นที่กล่าวขานในยุทธภพว่า หากผู้ใดได้ครอบครองดาบฆ่ามังกรและกระบี่อิงฟ้าแล้วผู้นั้นจะพบความลับอันยิ่งใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ในสิ่งล้ำค่าทั้งสอง ดังคำกล่าวที่ว่า “เทิดทูนเหนือยุทธจักร ดาบวิเศษพิฆาตมังกร ประกาศิตทั้งไตรภพ มิกล้าสยบนบนอบ แม้นอิงฟ้าไม่อุบัติ ผู้ใดกล้าสัประยุทธ์” ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ชาวยุทธต่างฆ่าฟันกันเพื่อให้ได้ดาบฆ่ามังกรและกระบี่อิงฟ้ามาครอบครอง

วันหนึ่ง ในระหว่างที่ ยู้ไต้ง้ำ ศิษย์คนที่ 3 ของ เตียซำฮง ปรมาจารย์แห่งสำนักบู๊ตึ้ง ได้ลงจากเขามาท่องยุทธภพ และบังเอิญได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงดาบฆ่ามังกร จนทำให้ตัวเองพลาดท่าได้รับบาดเจ็บสาหัส

หนำซ้ำในระหว่างทางกลับสำนัก เขายังโดนลอบทำร้ายจนพิการ ทำให้ เตียชุ่ยซัว ศิษย์คนที่ 5 ของสำนักบู๊ตึ้ง ต้องลงจากเขาเพื่อตามหาเบาะแสคนที่ทำร้าย ยู้ไต้ง้ำ

และการลงเขาครั้งนี้ ทำให้ เตียชุ่ยซัว ได้พบกับ ฮึงซู่ซู่ เป็นครั้งแรก ต่างคนต่างเหมือนวาสนาต้องการจนเกิดเป็นรักแรกพบ แต่หลังจากนั้น ทั้งสองก็ได้เข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงดาบฆ่ามังกรอีกครั้ง

โดยในครั้งนี้ดาบฆ่ามังกรได้ตกไปอยู่ในมือของ เจี่ยซุ่น และเนื่องจาก เจี่ยซุ่น ต้องการปลีกวิเวกเพื่อค้นหาความลับของดาบฆ่ามังกร จึงได้บังคับพาตัว เตียชุ่ยซัว และ ฮึงซู่ซู่ ไปยังเกาะล้างด้วยกัน

ด้วยความที่ ฮึงซู่ซู่ เป็นบุตรีของอินทรีคิ้วขาวแห่งพรรคเม้งก่า ซึ่งถือว่าเป็นพรรคมาร จึงไม่อาจอยู่ร่วมชีวิตกับ เตียชุ่ยซัว แห่งสำนักบู๊ตึ้ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นพรรคธรรมะได้ ทั้งสองจึงตัดสินใจแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ที่เกาะร้างนั้นกับ เจี่ยซุ่น เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายของยุทธภพ และได้นับถึอ เจี่ยซุ่น เป็นพี่น้องร่วมสาบานตั้งแต่นั้น จนทั้งสองได้ให้กำเนิดบุตรชายที่ชื่อ เตียบ่อกี้

วันเวลาผ่านไป 10 ปี เตียชุ่ยซัว และ ฮึงซู่ซู่ ได้ตัดสินใจพา บ่อกี้ เดินทางกลับภาคกลาง โดยทิ้ง เจี่ยซุ่น ไว้ที่เกาะร้างต่อไป เนื่องจาก เจี่ยซุ่น เริ่มปลงกับชีวิตความวุ่นวายในยุทธภพ อีกทั้งตัวเองยังไม่สามารถค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ในดาบฆ่ามังกรได้

หลังจากที่ชาวยุทธฝ่ายคุณธรรมทั้ง 5 สำนัก อันได้แก่ เส้าหลิน, ง้อไบ๊ , คุนหลุน, หัวซาน และ คงท้ง ต่างพากันรู้ข่าวคราวของ เตียชุ่ยซัว และ ฮึงซู๋ซู่ จึงได้รวมตัวกันที่สำนักบู๊ตึ้ง เพื่อกดดันถามหาที่ซ่อนตัวของ เจี่ยซุ่น และดาบฆ่ามังกร แต่ด้วยคุณธรรมและความรักที่ทั้ง 2 มีต่อ เจี่ยซุ่น ทั้งสองคนจึงยอมสละชีวิตตัวเอง เพื่อรักษาความลับนี้ไว้

ในระหว่างนั้น บ่อกี้ ได้ถูกทำร้ายด้วยฝ่ามือเยือกเย็นจากผู้เฒ่าทมิฬ ทำให้ต้องทรมานเมื่อยามที่พิษกำเริบ และไม่มีใครสามารถรักษาอาการพิษดังกล่าวได้ มีเพียงวิชาพลังเก้าสุริยันของวัดเส้าหลิน ซึ่งหายสาบสูญไปนานแล้วเทนั้น จึงจะรักษาพิษดังกล่าวได้อย่างถาวร

เตียซำฮง และศิษย์สำนักบู๊ตึ้ง จึงทำได้แต่เพียงคอยใช้พลังต้านพิษในตัวบ่อกี้ไม่ให้กำเริบรุนแรงเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้น เตียซำฮง จึงตัดสินใจ พา เตียบ่อกี้ เดินทางไปยังวัดเส้าหลิน หวังเพียงต้องการตำราวิชาเก้าสุริยันที่อาจจะถูกเก็บรักษาไว้ในหอไตร มาเพื่อช่วยรักษาอาการพิษของ เตียบ่อกี้ แต่กลับถูกปฏิเสธจากหลวงจีนวัดเส้าหลิน

ในช่วงขณะที่ทั้งสองคนกำลังท้อแท้และสิ้นหวังนั้น บ่อกี้ ตัดสินใจหลบหนีจาก เตียซำฮง โดยหมายจะเดินทางไปตายเอาดาบหน้าเพียงคนเดียว เพราะไม่อยากจะเป็นภาระให้กับอาจารย์ปู่ และนั่นเอง ที่การผจญภัยในยุทธภพของ เตียบ่อกี้ จึงได้เริ่มต้นขึ้น

ตลอดชีวิตการเดินทางผจญภัยของ เตียบ่อกี้ ตั้งแต่วัยเด็กจนเติบใหญ่ ด้วยความเป็นคนดีมีคุณธรรม, มีน้ำใจและสุภาพอ่อนโยน จึงทำให้มีผู้หญิงถึง 5 คนที่ได้เข้ามาพัวพันในชีวิตของเขา คือ จิวจี้เยียก, ฮึงลี้, ปุ๊กฮุย, เสี่ยวเจียว และ เตี๋ยเมี่ยง โดยทั้ง 5 คนนั้น ต่างก็มีความผูกพันธ์กับ เตียบ่อกี้ ในช่วงระยะเวลาและวาระที่แตกต่างกัน

ซึ่งเราก็ต้องคอยตามลุ้นดูเอาเองนะฮะว่า สุดท้ายแล้วในเวอร์ชั่นนี้ จะตีความเรื่องความสัมพันธ์ของ เตียบ่อกี้ กับหญิงสาวทั้ง 5 คนออกมาอย่างไร

ความรู้สึกหลังจากได้ดูจบ
คือสนุกมากกกก งานดีมากกกกก นักแสดงหล่อ-สวยกันทุกคนตามสไตล์หนังจีนยุคใหม่ แต่ก็ใช่ว่าจะมีดีแค่หน้าตาเท่านั้น ฝีมือการแสดงก็จัดจ้านกันเลยทีเดียว และในเวอร์ชั่นนี้ ยังได้ โจวไห่เม่ย (Kathy Chow) มารับบทเป็น แม่ชีมิกจ๊อ เจ้าสำนักง๊อไบ๊ (เธอเคยรับบท จิวจี้เยียก ในดาบมังกรหยกเวอร์ชั่น 1994 มาก่อน) ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเธอตีความตัวละครตัวนี้ออกมาได้โหดจริงๆ

ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ทำออกมาได้ดีมาก และน่าจะตีความได้ใกล้เคียงกับบทประพันธ์มากที่สุดกว่าเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนที่เสริมเพิ่มเข้ามาหรือส่วนที่ตัดออกไปเพื่อความกระชับ ก็ไม่ได้ทำให้อรรถรสของบทประพันธ์แย่ลงไปเลย

ยกเว้นในช่วงท้ายเรื่องที่ดูเหมือนจะเร่งเกินไปหน่อยจนทำให้หลายๆ ฉากหลายๆ ซีนดูกระโดดและไม่ไหลลื่นเหมือนช่วงต้นเรื่อง

ส่วนจุดที่ไม่ชอบมากที่สุดก็เห็นจะเป็นในส่วนของฉากแอ็คชั่น ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าเบื่อพอสมควร เพราะสิ่งที่ทำให้ความสนุกของฉากแอ็คชั่นลดลงไปอย่างมาก คือการใช้ภาพแบบสโลว์โมชั่นที่เยอะเกินไป คือเยอะจริงๆ เยอะจนจะอ้วกเพราะมึนหัวเลย เอาง่ายๆ คือ เกือบจะไม่ได้ดูซีรีส์ชุดนี้เพราะฉากสโลว์โมชั่นนี่แหละ เพราะตอนดูครั้งแรกเปิดเรื่องมา เจอสโลว์โมชั่นกับฉากต่อสู้เกือบครึ่งชั่วโมง ปิดเลยฮะ เลิกดูเลย จนได้ยินกระแสพูดกันหนาหูว่าซีรีย์เรื่องนี้สนุกมาก จึงลองทำใจทนดูให้ผ่านตอนแรกไปให้ได้ และพอเราเริ่มชินกับฉากอะไรแบบนี้เท่านั้นแหละ ความบันเทิงก็มาเลยทันที เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก จนเราไม่สามารถหยุดดูได้เลย จบตอนแล้วก็อยากจะดูต่อทันที

และก็ดูเหมือนว่าทาง เจี่ยง เจี้ยจวิน จะรับรู้ถึงจุดบกพร่องนี้ (เพราะตอนที่เข้าฉายครั้งแรกในบ้านตัวเอง ก็ถูกแฟนๆ บ่นกันหนักเหมือนกัน) ในช่วงกลางๆ ของซีรีส์จึงได้มีการปรับฉากแอ็คชั่นใหม่โดยลดการใช้ภาพแบบสโลโมชั่นลงไปเยอะเลย (แต่ก็ยังมีอยู่นะ)

สรุป >> ให้ไปเลย 8 เต็ม 10 ฮะ สนุกมาก เนื้อหาเข้มข้น เดินเรื่องไว เหมาะกับทุกคนที่ชื่นชอบหนังจีนกำลังภายใน แนะนำให้หาเรื่องนี้มาดูกันได้เลยฮะ ดูกันต่อเนื่องจาก มังกรหยก เวอร์ชั่น 2017 ก็ยิ่งสนุก

ดาบมังกรหยก (Heavenly Sword Dragon and Slaying Saber) [2019]

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ