[รีวิว] A Killer Paradox เริ่มต้นจากความบังเอิญสู่การเป็นศาลเตี้ย [Series]

[Review] A Killer Paradox (หน้ากากความยุติธรรม) [2024]

A Killer Paradox (หน้ากากความยุติธรรม, 살인자ㅇ난감) ซีรีส์แนว Crime Action Thriller Dark Comedy สัญชาติเกาหลีใต้ที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูนชื่อเรื่องเดียวกันของ Kkomabi

เขียนบทโดย Kim Da-min
กำกับโดย Lee Chang-hee (จากซีรีส์เรื่อง Strangers from Hell)

นำแสดงโดย
Choi Woo-shik (จากภาพยนตร์เรื่อง Train to Busan และ Parasite) รับบทเป็น Lee Tang
Son Suk-ku (จากซีรีส์เรื่อง My Liberation Notes และ Big Bet) รับบทเป็น Jang Nan-gam
Lee Hee-joon (จากซีรีส์เรื่อง Vincenzo และ Mouse) รับบทเป็น Song Chon
Kim Yo-han (จากซีรีส์เรื่อง Military Prosecutor Doberman) รับบทเป็น Roh Bin
Lee Joong-ok (จากภาพยนตร์เรื่อง Extreme Job, ซีรีส์เรื่อง Strangers from Hell และ The Glory) รับบทเป็น Kang Sang-muk
Choi Sun-woo (จากซีรีส์เรื่อง Something in the Rain) รับบทเป็น Gyeong-hwan
Oh Woo-ri (จากซีรีส์เรื่อง Welcome to Samdal-ri) รับบทเป็น Kang Mi-yeong
Kwon Da-ham (จากซีรีส์เรื่อง D.P. ทั้ง 2 ซีซั่น) รับบทเป็น Yong-jae
Hyun Bong-sik (จากภาพยนตร์เรื่อง Emergency Declaration, ซีรีส์เรื่อง Strangers from Hell, Mouse และ Gyeongseong Creature) รับบทเป็น Park Chung-jin
Oh Hye-won (จากภาพยนตร์เรื่อง #Alive และซีรีส์เรื่อง Strangers from Hell) รับบทเป็น Lee Yu-Jeong
Jo Hyun-woo (จากซีรีส์เรื่อง Sisyphus: The Myth, Taxi Driver, Monstrous และภาพยนตร์เรื่อง Kill Boksoon) รับบทเป็น Kim Myeong-jin / Yeo Bu-il
Jung Yi-seo (จากภาพยนตร์เรื่อง Parasite และซีรีส์เรื่อง All of Us Are Dead) รับบทเป็น Seon Yeo-ok
Roh Jae-won (จากซีรีส์เรื่อง D.P.Season 2) รับบทเป็น Ha Sang-min
Lim Se-joo (จากซีรีส์เรื่อง Zombie Detective และ Celebrity) รับบทเป็น Choi Gyeong-ah
Seung Eui-yeol (จากซีรีส์เรื่อง Hospital Playlist 2 และ Vigilante) รับบทเป็น Hyeong Jeong-guk
Han Ji-an (จากซีรีส์เรื่อง Chicken Nugget) รับบทเป็น Hyeong Ji-su

ดูได้ทาง Netflix มีจำนวนทั้งหมด 8 ตอน

A Killer Paradox (หน้ากากความยุติธรรม) [2024]

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ อีทัง นักศึกษาหนุ่มวัยรุ่นธรรมดาๆ คนหนึ่งที่โชคชะตานำพาให้เขาไปก่อเหตุฆ่าคนตายอย่างไม่ตั้งใจ แต่ด้วยความโชคดีหรือกรรมนำพาก็มิอาจทราบได้ หลักฐานการฆาตกรรมทุกอย่างที่จะสาวไปถึงเขา ได้หายไปจากที่เกิดเหตุโดยสิ้นเชิง และที่สำคัญคือคนที่ถูกเขาฆ่าตายนั้น กลับกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องหลายคดีที่ตำรวจตามล่าตัวมานาน

ตั้งแต่นั้นมาชีวิตและความคิดของ อีทัง ก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเหตุบังเอิญแบบนั้นได้เกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ โดยที่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจ และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการกลายเป็น วีรบุรุษผู้สังหารฆาตกร

ความรู้สึกหลังดูจบ
ว่ากันตามตรงคือดู EP แรกแล้วก็ยังรู่สึกเฉยๆ ด้วยความที่การเดินเรื่องค่อนข้างจะเรียบๆ ไม่มีอะไรหวือหวานัก (ก็ตามสไตล์ของผู้กำกับ อีชางฮี นั่นแหละฮะ ถ้าใครที่เคยผ่านซีรีส์อย่างเรื่อง Strangers from Hell มาก็น่าจะพอคุ้นเคยกับแนวทางของเขานะฮะ)

ถึงแม้ว่าการเดินเรื่องจะราบเรียบไปหน่อย แต่ด้วยความที่พลอตเรื่องมีความน่าสนใจและมีเรื่องราวที่ชวนให้เราติดตาม จึงทำให้โดยรวมตลอดทั้ง 8 EP ไม่มีความน่าเบื่อเลย หนำซ้ำเส้นกราฟความเข้มข้นก็ค่อยๆ ไต่ระดับควมมันส์ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงในช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่องที่ซัดเราซะอยู่หมัดเลยฮะ (แต่ก็มีแอบวูบๆ ตกลงมาในบางช่วง เพราะมีบางจังหวะที่ดูยืดๆ อยู่บ้าง)

ชอบการตั้งประเด็นที่ตัวซีรีส์ต้องการสื่อสารกับคนดู อย่างประเด็นคำถามหนึ่งที่แข็งแรงมากก็คือ หากเรามีอำนาจมีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับใครสักคนที่เราก็รู้อยู่แล้วว่าเขาคนนั้นคือฆาตกร แต่กฎหมายกลับทำอะไรพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ แล้วปล่อยให้พวกเขาลอยนวลใช้ชีวิตอย่างปรกติสุขรอวันที่จะก่อคดีใหม่ขึ้นมา ถ้าเราจะจัดการพวกเขาเหล่านั้นแทนกฎหมายมันจะถูกต้องหรือไม่

ซึ่งจริงๆ แล้วซีรีส์เกาหลีที่มาในแนวตัวเอกทำตัวเป็น ศาลเตี้ย ก็มีอยู่หลายเรื่องนะฮะ เช่น Taxi Driver ทั้ง 2 ภาค และ Vigilante หรือถ้าเป็นหนัง/ซีรีส์งฝั่งอเมริกาที่เห็นชัดๆ ก็อย่าง Batman หรือ Arrow ซึ่งแต่ละเรื่องก็มีการนำเสนอไปในแนวทางที่แตกต่างกัน แต่ประเด็นคำถามหลักๆ ที่ว่าด้วยเรื่องของความถูกต้องก็เหมือนกัน

ดังนั้น จึงมองได้ว่าประเด็นหลักที่ตัวซีรีส์ต้องการนำเสนอก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่สิ่งที่ทำให้ซีรีส์ชุดนี้มีความสนุกและแตกต่างจากเรื่องอื่นๆ ก็อยู่ที่พัฒนาการของตัวเอกนี่แหละฮะ จากคนธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่ได้มีความสนใจอะไรเลยนอกจากใช้ชีวิตไปวันๆ จนกระทั่งกลายมาเป็น ศาลเตี้ย แบบไม่ได้ตั้งใจ

ฉากแอ็คชั่นฉากการฆาตกรรมค่อนข้างรุนแรงและมีความสมจริงพอสมควรเลยฮะ

A Killer Paradox (หน้ากากความยุติธรรม) [2024]

สรุป >> ให้ไป 7 เต็ม 10 นะฮะ ดูได้เพลินๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้ประทับใจมากนักๆ