[รีวิว] Voice (ล่าเสียงมรณะ) กับการตามล่าหาตัวฆาตกรจากเสียงที่ไม่มใครได้ยิน [Series]

[Review] Voice (ล่าเสียงมรณะ) Season 1 [2017]

Voice Season 1 (ล่าเสียงมรณะ ปี 1, 보이스; RR: Boiseu) ซีรีส์แนว Crime Thriller สัญชาติเกาหลีใต้ จากผลงานการเขียนบทของ Ma Jin-hee ว่าด้วยเรื่องราวการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 (คล้ายๆ เจ้าหน้าที่ 191 ของบ้านเรา)

นำแสดงโดย (Season 1)
Lee Ha-na (จากซีรีส์เรื่อง Oh My Ghost) รับบทเป็น Kang Kwon-joo
Jang Hyuk (จากภาพยนตร์เรื่อง The Flu และซีรีส์เรื่อง Iris II: New Generation) รับบทเป็น Moo Jin-hyuk
Baek Sung-hyun (จากซีรีส์เรื่อง Iris II: New Generation) รับบทเป็น Shim Dae-shik
Yesung (จากซีรีส์เรื่อง Songgot: The Piercer) รับบทเป็น Oh Hyun-ho
Son Eun-seo (จากซีรีส์เรื่อง Reply 1988) รับบทเป็น Park Eun-soo
Kim Jae-wook (จากซีรีส์เรื่อง Coffee Prince) รับบทเป็น Mo Tae-goo
Lee Do-kyung (จากซีรีส์เรื่อง The King 2hearts) รับบทเป็น Mo Gi-beom
Kim Roi-ha (จากซีรีส์เรื่อง Iljimae) รับบทเป็น Nam Sang-tae
Hwang Sang-kyung (จากซีรีส์เรื่อง Vampire Detective) รับบทเป็น Go Dong-chul

Voice (ล่าเสียงมรณะ) Season 1 [2017]

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ มูจินยุค ตำรวจสายสืบฝีมือดีเจ้าของฉายา “หมาบ้า” ที่หมดอาลัยตายยากจากการสูญเสียภรรยาไปในเหตุการณ์ฆาตกรรม ซึ่งก่อนที่ภรรยาของเขาจะถูกฆ่า เธอได้โทรเข้าหน่วยรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ทันการ เธอถูกคนร้ายฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม

แต่เพียงไม่นาน ทางตำรวจก็ได้จับตัว โกดงชอล ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ได้ ซึ่งในระหว่างขึ้นศาล โกดงชอล ก็ได้ยอมรับสารภาพว่าตัวเองเป็นคนลงมือฆ่าภรรยาของ มูจินยุค แต่ คังกวอนจู เจ้าหน้าที่หน่วยรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 ที่เป็นคนรับสายแจ้งเหตุของภรรยา มูจินยุค ได้ขึ้นให้การในฐานะพยาน เธอได้ยืนยันว่าเสียงที่เธอได้ยินในคืนวันเกิดเหตุนั้น ไม่ตรงกับเสียงของ โกดงชอล และยืนยันว่าคนร้ายตัวจริงคือคนเดียวกันกับคนที่ฆ่าพ่อของเธอในคืนเดียวกันนั้นเอง

ทาง โกดงชอล จึงถือโอกาสกลับคำให้การ นั่นจึงทำให้การว่าความเกิดความสับสนจนไม่สามารถตัดสินความผิดกับโกดงชอล ได้ อีกทั้งยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายที่แท้จริงได้ เหตุการณ์ในครั้งนี้จึงได้สร้างความเจ็บปวดให้ทั้งกับ มูจินยุค และ คังกวอนจู เป็นอย่างมาก

3 ปีต่อมา หลังจากกลับจากอเมริกา คังกวอนจู ได้กลับมาคุมหน่วยรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 112 พร้อมทั้งขออนุมัติจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษในชื่อ Golden Time Team หน่วยที่จะต้องทำหน้าที่เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุและช่วยเหลือเหยื่อให้สำเร็จให้ได้ภายในเวลาจำกัด หรือที่เรียกว่า ช่วงเวลาทอง หลังจากที่ผู้ประสบเหตุโทรเข้ามาแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย และเธอยืนยันที่จะให้ มูจินยุค รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมภาคสนามในปฏิบัติการช่วยเหลือเหยื่อ

โดยสาเหตุที่แท้จริงของ คังกวอนจู ที่นอกจากความต้องการที่จะช่วยเหลือเหยื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายให้ได้โดยเร็วแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเธอต้องการตามสืบหาคนตัวคนร้ายตัวจริงที่สังหารพ่อของเธอ และภรรยาของ มูจินยุค ให้ได้

ความรู้สึกหลังดูจบ
หนังเดินเรื่องได้น่าสนใจและชวนให้ติดตามมากๆ โดยเฉพาะในตอนแรก (เสียงจากความืด) มีฉากเปิดเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นคดีสำคัญที่ทำออกมาได้ดีมากๆ จนสามารถดึงความสนใจของเราให้อยากจะติดตามจนจบเรื่องได้

และในหลายๆ คดี ยังมีความน่าสะเทือนใจมากๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาทางสังคมและความโหดร้ายของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี โดยที่หลายๆ คดี ก็ไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะในเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ในหลายๆ ประเทศหรืออย่างในประเทศไทยเองก็เคยเจอกับคดีสะเทือนขวัญแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง เช่น คดีการทำร้ายเด็ก เป็นต้น

ในส่วนของนักแสดงหลัก สำหรับเรื่องนี้ดูแปลกๆ นะฮะ บางคนก็เล่นได้ดีมาก แต่บางคนก็ดูจะโอเวอร์แอคติ้งไปหน่อยจนรู้สึกว่าเล่นเกินเบอร์ไปนะ

ในส่วนของการดำเนินเรื่อง จัดว่าดีในแนวทางการเป็นซีรีส์สืบสวนสอบสวน หลายๆ คดีดำเนินเรื่องได้สนุกมากๆ แต่ที่ขัดใจอยู่หน่อยก็คือการเฉลยตัวร้ายหลักของเรื่องว่าเป็นใคร เฉลยง่ายไปหน่อย คือตอนต้นเรื่องเหมือนจะมีหักมุมและคิดว่าตอนเปิดตัวคนร้ายน่าจะต้องมีอะไรเซอร์ไพร์สสุดๆ แต่ไปๆ มาๆ เรื่องราวกลับพามาไปในทิศทางที่ทำให้เดาออกได้ง่ายๆ ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เฉลยซะด้วยซ้ำ แถมตอนเปิดตัวว่าเป็นตัวร้ายก็เปิดกันแบบง่ายๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย

สำหรับส่วนที่ไม่ชอบเลย (แอบมีสปอยเล็กน้อยนะฮะ) หลักๆ ก็มาจากความไม่สมเหตุสมผลในหลายๆ ฉากที่ดูแล้ว ก็นึกว่าดูละครไทยอยู่ เช่น ในขณะที่ฝ่ายตำรวจแอบลอบไปในบ้านที่ปิดไฟมืดหมดของผู้ต้องสงสัย โดยคาดว่าตัวผู้ต้องสงสัยเองก็อยู่ในบ้าน แต่ 1 ในตำรวจกลับเดินไปเปิดไฟบ้านซะงั้น (แล้วพี่จะต้องแอบทำไมฮะ) หรือในจังหวะที่ตำรวจกำลังเข้าจับกุมตัวคนร้าย ทำให้คนร้ายล้มลงและใบหน้าไปถูกน้ำกรด แทนที่จะรีบเรียกหน่วยพยาบาลมาให้การช่วยเหลือ แต่กลับเลือกที่จะจับตัวคนร้ายใส่กุญแจมือ แล้วค่อยๆ พาเดินไปห้องพยาบาล (กว่าจะถึงห้องพยาบาล หน้าจะเละขนาดไหนกันลองนึกดูละกันฮะ) หรือฉากเล็กๆ อย่างในขณะที่ตำรวจกำลังพาตัวคนร้ายกลับสถานี คนร้ายขอให้ตำรวจลดกระจกรถลงเพื่อทิ้งสิ่งของบางอย่างที่เหมือนเป็นตัวฉุดรั้งจิตใจคนร้ายอยู่ ตำรวจก็ลดกระจกลงให้ทิ้งง่ายๆ ซะงั้น เฮ้ย!!! นี่กำลังอยู่บนถนนหลวงในเมืองนะเว้ย จะมาทิ้งของซี้ซั้วแบบนี้ได้ไง แล้วก็ไม่รู้ว่าไอที่ทิ้งไปเนี้ย มันจะเป็นของกลางหรือเปล่า คือคงกะว่าจะให้ซีนนี้เศร้าสะเทือนอารมณ์คนดูแน่ๆ แต่มันไม่ได้อ่ะฮะ

ในแง่ของโปรดักชั่นก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก บางฉากบางซีนก็ดูออกว่าเป็นการเซ็ตฉากขึ้นมา

Voice (ล่าเสียงมรณะ) Season 1 [2017]

สรุป >> ให้ไป 7.5 เต็ม 10 นะฮะ ใครที่ชอบซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนน่าจะชอบเรื่องนี้นะฮะ เดินเรื่องกระฉับไว ดูสนุกและตื่นเต้นลุ้นระทึกดี แต่ก็มีจุดที่รู้สึกขัดตาขัดใจอยู่พอสมควร


และเมื่อปี 2019 ได้มีการนำซีรีส์ชุดนี้มารีเมคเป็นเวอร์ชั่นไทย ในชื่อเรื่อง Voice: สัมผัสเสียงมรณะ โดยบริษัท True CJ Creations นำแสดงโดย แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, แอนดริว เกร็กสัน, ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ และ อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์

กำกับโดย นพชัย ชัยนาม

รับชมได้ทางช่อง Netflix

Voice: สัมผัสเสียงมรณะ (2019)

ฝากรีวิวเรื่องอื่นๆ ด้วยนะฮะ คลิกที่ลิ้งค์นี้ได้เลย