[รีวิว] The Uncanny Counter 2: Counter Punch (เคาน์เตอร์ คนล่าปีศาจ 2) [Series]

[Review] The Uncanny Counter 2: Counter Punch (เคาน์เตอร์ คนล่าปีศาจ 2) [2023]

The Uncanny Counter 2: Counter Punch (เคาน์เตอร์ คนล่าปีศาจ 2) ทีวีซีรีส์แนว Action Fantasy Mystery Thriller Suspense Crime สัญชาติเกาหลีใต้ ผลงานภาคต่อของซีรีส์สุดมันส์ที่ออกอากาศจบไปตั้งแต่เมื่อปี 2020 (คลิกอ่านรีวิวซีซั่น 1) โดยได้ทีมนักแสดงหลักกลับมากันครบทีมเลย และก็ยังคงนำวัตถุดิบจากเวอร์ชั่น Webtoon มาดัดแปลงอีกเช่นเคย

เขียนบทโดย Kim Sae Bom, Yeo Ji Na
กำกับโดย Yoo Sun-dong

นำแสดงโดย
Jo Byung-gyu (จากซีรีส์ He Is Psychometric และ Hot Stove League) รับบทเป็น So Mun
Yoo Jun-sang (จากภาพยนตร์เรื่อง Along with the Gods: The Two Worlds และซีรีส์เรื่อง Alchemy of Souls) รับบทเป็น Ga Mo-tak
Kim Se-jeong (จากซีรีส์เรื่อง Business Proposal และ Today’s Webtoon) รับบทเป็น Do Ha-na
Yeom Hye-ran (จากซีรีส์เรื่อง Alchemy of Souls และ The Glory) รับบทเป็น Choo Mae-ok
Ahn Suk-hwan (จากซีรีส์เรื่อง Partners for Justice 2) รับบทเป็น Choi Jang-mul
Yoo In-soo (จากซีรีส์เรื่อง Alchemy of Souls และ All of Us Are Dead) รับบทเป็น Na Jeok-bong
Moon Sook (จากวีรีส์เรื่อง Tunnel และ Mask Girl) รับบทเป็น Wi-gen
Kang Ki-young (จากภาพยนตร์เรื่อง Exit และซีรีส์เรื่อง Tunnel) รับบทเป็น Hwang Pil-kwang
Kim Hieora (จากซีรีส์เรื่อง The Glory) รับบทเป็น Gelli Choi
Kim Hyun-Wook (จากซีรีส์เรื่อง Kill Heel) รับบทเป็น Wong Li Qiang
Jin Seon-kyu (จากซีรีส์เรื่อง Through the Darkness และ Kingdom) รับบทเป็น Ma Joo-seok

รับชมได้ทาง Netflix (มีจำนวนทั้งหมด 12 ตอน)

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
เรื่องราวของ Counter หรือ คนล่าวิญญาณ/ปีศาจร้าย 4 คน ได้แก่ คาโมทักโทฮานาชูแมอ๊ก และ โซมุน รวมถึงผู้ช่วยคนสำคัญอีก 1 คนอย่าง ชเวจางมูล อดีตเคานท์เตอร์ที่วางมือไปแล้ว โดยทั้ง 5 คนยังคงออกปฏิบัติตามล่าและกำจัดปีศาจ/วิญญาณร้ายอยู่ พร้อมกับพยายามพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองให้สูงยิ่งขึ้นเพื่อเตรียมรับมือกับปีศาจร้ายที่อาจจะปรากฎตัวขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้

ในระหว่างนั้นทางทีมก็ได้รับข้อความจากทางยุงว่า ทีมเคาน์เตอร์ของประเทศจีนถูกปีศาจสังหาร และที่ร้ายเข้าไปกว่านั้นก็คือปีศาจเหล่านั้นได้ดูดกลืนวิญญาณของเคาน์เตอร์ที่พวกมันสังหารไป ทำให้พวกมันสามารถดึงเอาความสามารถของเคาน์เตอร์คนนั้นมาใช้งานได้ นั่นหมายความว่า พวกมันสามารถมองเห็นพื้นที่พลังของเหล่าเคาน์เตอร์ทำให้มันสามารถหลบซ่อนการจับสัญญาณจากเหล่าเคาน์เตอร์ได้

และตอนนี้ปีศาจกลุ่มนั้นก็ได้เดินทางมาถึงเกาหลีแล้วพร้อมกับวัตุประสงค์บางอย่าง เหล่าเคาน์เตอร์ทั้ง 5 คนจึงต้องเร่งให้ยุงช่วยหาตัวสมาชิกที่จะมาเป็นเคาน์เตอร์เพิ่มอีก 1 คนเพื่อช่วยพวกเขารับมือกับเหล่าปีศาจร้าย

สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถเอาชนะปีศาจร้ายเหล่านี้ได้หรือไม่

ความรู้สึกหลังจากดูจบ
แค่เริ่มเปิดตัวตอนแรก เสน่ห์แบบเดิมๆของซีซั่นแรกก็กลับมาครบทั้งฉากแอ็คชั่นที่โคตรเดือด ดราม่าจัดๆ และมุกตลกโบ๊ะบ๊ะ

จุดที่ให้ความรู้สึกชอบกว่าซีซั่นแรกก็จะอยู่ที่มุกตลกและฉากแอ็คชั่น ซึ่งในส่วนของมุกตลกที่สอดแทรกเข้ามาตลอดทั้งเรื่องดูลงตัวกว่าซีซั่นแรกมากๆ ส่วนฉากแอ็คชั่นนี่จัดหนักจัดเต็มเลยฮะ ดุเดือดและระห่ำสุดๆ และที่ชอบที่สุดคือการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของคนในทีม ที่ทำออกมาได้ดีให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและทำให้เรารักตัวละครเหล่านี้ได้

อีกประเด็นหนึ่งที่ชอบมากๆ สำหรับซีซั่นนี้ก็คือประเด็นที่ว่า “แม้จะเป็นคนดีแค่ไหนก็ตาม แต่หากมีเหตุให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ ถูกกระทำอย่างไร้ซึ่งความอยุติธรรมจากผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า จนกระทั่งถูกความโกรธเข้าครอบงำ คนดีๆ เหล่านั้นก็พร้อมที่จะกลายปีศาจร้ายได้

แต่สำหรับจุดที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นักก็จะมีอยู่ 2 จุดใหญ่ๆ เลยคือ

  1. การดำเนินเรื่องในหลายๆ ตอนค่อนข้างที่จะยืดไปหน่อย เรื่องราวในแต่ละตอนดูวนไปวนมา เหมือนเรื่องจะเดินไปข้างหน้าอย่างเร็ว แต่จู่ๆ ก็ติดเบรกแล้ววนๆ อยู่ตรงนั้นไม่ไปไหนซะที อะไรทำนองนั้น ซึ่งถ้าย่อยจำนวนตอนให้เหลือสัก 8 – 10 ตอนได้ น่าจะทำให้ภาพรวมเข้มข้นมากกว่านี้นะฮะ
  2. ในส่วนของดราม่าที่รู้สึกว่าคนสร้างจะใจดีเกินไปหน่อย ทั้งๆ ที่อุตส่าห์ปูเรื่องราวหลายๆ จุดที่ดูก็รู้แล้วว่า ดราม่าหนักแน่ๆ แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถดึงอารมณ์ลงมาได้สุด รวมถึงในหลายๆ ฉากที่ฝั่งตัวร้ายสามารถที่จะ “ฆ่า” ตัวละครหลายๆ ตัวได้ แต่ผู้สร้างกลับไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น ทั้งๆ ที่สถานการณ์เหล่านั้น ควรจะต้องมีการ “ตาย” เพื่อดึงให้เรื่องราวดราม่าทำงานได้อย่างเต็มที่
The Uncanny Counter 2: Counter Punch (เคาน์เตอร์ คนล่าปีศาจ 2) [2023]

สรุป >> สำหรับซีซั่นนี้ให้ไป 8 เต็ม 10 นะฮะ เพราะโดยรวมแม้ว่าจะทำออกมาได้สนุก แต่การเดินเรื่องค่อนข้างยืดไปหน่อย

คลิกที่นี่เพื่ออ่านรีวิวซีซั่น 1 นะฮะ