[รีวิว] the Number 23 กับผลงานจิตหลุด หลอนระทึกของ จิม แคร์รี่ย์ [Movie]

[Review] the Number 23 (23 รหัสหลอนช็อคโลก) [2007]

the Number 23 (23 รหัสหลอนช็อคโลก) ภาพยนตร์แนว Psychological Thriller เขียนบทโดย Fernley Phillips กำกับการแสดงโดย Joel Schumacher

และนี่คือผลงานการทำงานร่วมกันครั้งที่ 2 ของ Joel Schumacher กับ Jim Carrey หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาจากภาพยนตร์เรื่อง Batman Forever

23 รหัสหลอนช็อคโลก

เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
ว่าด้วยเรื่องราวของ Walter Paul Sparrow (นำแสดงโดย Jim Carrey) เจ้าหน้าที่ควบคุมสัตว์ ที่มีชีวิตธรรมดากับครอบครัวแสนสุขกับภรรยาที่ชื่อ Agatha Pink Sparrow (นำแสดงโดย Virginia Madsen) และลูกชายวัยรุ่นที่ชื่อ Robin Sparrow (นำแสดงโดย Logan Lerman) คืนหนึ่งในระหว่างที่ อการ์ธา กำลังรอ วอลเธอร์ อยู่ในร้านหนังสือแห่งหนึ่งเพื่อไปฉลองวันเกิดของเขานั้น อการ์ธา ได้ไปสะดุดตาเข้ากับหนังสือนวนิยายปกสีแดงเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า เดอะ นัมเบอร์ 23 เขียนโดยผู้ที่ใช้นามปากกาว่า Topsy Kretts ซึ่งเขียนถึงเรื่องราวของนักสืบคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Fingering เอาไว้ ด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด อการ์ธา ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ วอลเธอร์

ในช่วงแรก วอลเธอร์ ไม่ได้สนใจอะไรกับหนังสือเล่มนี้มากนัก แต่เมื่อได้เริ่มอ่าน เขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่าหนังสือเล่มนี้มีส่วนคล้ายกับชีวิตของเขามาก โดยเฉพาะกับตัวเลข 23 ที่ปรากฎอยู่ในส่วนที่บรรยายไว้ในหนังสือ ก็เกี่ยวโยงมาถึงสิ่ที่อยู่รอบกายของเขาทั้งนั้น ยิ่งอ่าน เขาก็ยิ่งหมกมุ่นกับปริศนาตัวเลข 23 ที่ถูกเขียนไว้ รวมถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมที่ถูกบรรยายเอาไว้ในหนังสือ จนกระทั่งมันเริ่มตามมาหลอกหลอนในชีวิตประจำวันของเขา เขาจึงต้องตามหาเบาะแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังสือ รวมถึงตามหาตัวคนเขียนหนังสือเล่มนี้ ยิ่งตามสืบ เขาก็ยิ่งพบกับความจริงอันน่าสะพรึ่งที่ซ่อนเร้นอยู่

ความคิดเห็นหลังดูจบ
นี่คืองานในยุคหลังๆ ของ Jim Carrey ซึ่งเป็นอีก 1 เรื่องที่เขาได้โชว์ฝีมือทางด้านการแสดงในแนวอื่น นอกเหนือจากผลงานแนวตลกที่เป็นงานถนัดและเป็นงานแจ้งเกิดของเขา ซึ่งสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า สอบผ่าน กับงานแนวนี้เลย เขาสามารถตีความบุคลิคของตัวละคร วอลเธอร์ พอล สเปนเซอร์ ในแต่ละช่วงอารมณ์ออกมาได้ชัดเจนเลยทีเดียว

หนังมีความสนุก ตื่นเต้น และลุ้นระทึกในระดับหนึ่ง แต่ตัวหนังก็ดูเหมือนจะยังไปไม่สุดทางอย่างที่หนังในแนวทางนี้ควรจะเป็น ความลุ้นระทึกในบางช่วงยังดูเบาบางไปหน่อย ทั้งๆ ที่สามารถทำให้ดาร์คและหม่นได้มากกว่านี้ และในส่วนของปมปริศนาต่างๆ ก็คลี่คลายง่ายเกินไป จึงทำให้พอดูจบแล้วก็จบเลย ไม่ได้ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมต่อได้

ท้ายนี้ ก็ขอฝากเพจไว้ด้วยเช่นเคย คลิกกันเข้าไปอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมกันได้เลยฮะ